ไวน์แดง 7 11 : ค้นหาไวน์คุณภาพที่เซเว่น ( 7-Eleven ) ใกล้บ้านคุณ

7-Eleven เป็นมากกว่าร้านสะดวกซื้อ มันทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ชื่นชอบไวน์และกำลังมองหาไวน์คุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นนักดื่มผู้ช่ำชองหรือเพิ่งเริ่มดื่ม จะเริ่มหาไวน์แดง 7 11 ก็มีให้เลือกหลากหลายเพื่อตอบสนองรสนิยมและงบประมาณที่แตกต่างกัน ในบทความนี้ เรามาแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเภทของไวน์คุณภาพที่สามารถหาได้ที่ร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ และข้อมูลราคาเพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อไวน์ได้ดียิ่งขึ้น

1. ไวน์ไทย ไวน์ท้องถิ่น :

7-Eleven นำเสนอไวน์ไทยในท้องถิ่นที่แสดงถึงวัฒนธรรมไวน์ในประเทศ ไวน์เหล่านี้มอบประสบการณ์ที่ดีและมีเอกลักษณ์ โดยมักมีลักษณะเฉพาะของพื้นที่ไทยอันเป็นเอกลักษณ์ ราคาไวน์ไทยในท้องถิ่นมักจะเริ่มต้นประมาณ 300 บาทต่อขวด ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มรสไวน์ไทย

2. แบรนด์ไวน์นานาชาติ :

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบไวน์ที่ได้รับการยกย่องในระดับสากล 7-Eleven มีไวน์แบรนด์ระดับโลกมากมายให้เลือกสรร ไวน์เหล่านี้ได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อให้มีคุณภาพและความหลากหลาย โดยสามารถหาไวน์แดง ไวน์ขาว และไวน์โรเซ่ที่มาจากประเทศผู้ผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียง เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรเลีย และอื่นๆ อีกมากมาย ราคาไวน์ต่างประเทศอาจแตกต่างกันอย่างมาก โดยมีตัวเลือกให้เหมาะกับงบประมาณที่หลากหลาย ไวน์ต่างประเทศเริ่มต้นประมาณ 500 บาทต่อขวด

3. ไวน์แดง :

7-Eleven ประเทศไทย เอาใจผู้ที่ชื่นชอบไวน์แดงด้วยตัวเลือกที่หลากหลายสไตล์และรสชาติ ราคาไวน์แดงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น แบรนด์ ภูมิภาค และวินเทจ คุณสามารถเลือกไวน์แดงได้หลากหลายประเภท โดยเริ่มต้นจากตัวเลือกที่ราคาไม่แพงซึ่งมีราคาประมาณ 400 บาทต่อขวด ไปจนถึงตัวเลือกระดับพรีเมียมที่อาจเกิน 2,000 บาทไทยต่อขวด ไวน์แดงคุณภาพเหล่านี้ให้รสชาติอันน่ารื่นรมย์ของประเพณีและงานฝีมือ โดยเราจะคัดมาให้เลือกซื้อกันดังนี้

1. Jacob’s Creek จาค็อบส์ครีก :

คุณภาพ : Jacob’s Creek จากโรงกลั่นไวน์ของออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านการผลิตไวน์คุณภาพสูง ไวน์แดงของบริษัท เช่น Shiraz และ Cabernet Sauvignon ได้รับการยกย่องในเรื่องรสชาติที่เข้มข้นและงานฝีมืออันยอดเยี่ยม

ราคา : ไวน์แดงของ Jacob’s Creek ที่ 7-Eleven โดยทั่วไปมีราคาตั้งแต่ประมาณ 500 บาท ถึง 800 บาท ต่อขวด ขึ้นอยู่กับไวน์

2. Concha y Toro :

คุณภาพ : Concha y Toro โรงกลั่นไวน์ของชิลี มีชื่อเสียงในด้านความทุ่มเทในการผลิตไวน์แดงชั้นยอด พันธุ์ต่างๆ เช่น Casillero del Diablo แสดงให้เห็นคุณภาพและลักษณะของการผลิตไวน์ของชิลี พร้อมด้วยรสชาติที่เข้าถึงแก่นแท้ของพื้นที่นั้นๆ

ราคา : ไวน์แดง Concha y Toro ที่ 7-Eleven ราคาประมาณ 500 บาท ต่อขวด ทำให้ผู้ชื่นชอบไวน์ที่กำลังมองหาไวน์ชิลีชั้นเยี่ยมสามารถเข้าถึงไวน์เหล่านี้ได้

3. Yellow Tail :

คุณภาพ : Yellow Tail ซึ่งเป็นแบรนด์ของออสเตรเลีย ได้รับการยอมรับในด้านไวน์แดงที่เข้าถึงได้ง่ายแต่ก็มีรสชาติดี พันธุ์ต่างๆ เช่น Shiraz และ Cabernet Sauvignon มอบความสมดุลอันน่ารื่นรมย์ของรสชาติผลไม้ หลายคนมีคำถามว่า yellow tail wine ซื้อที่ไหน คุณสามารถหาซื้อได้ที่ 7-Eleven บางสาขา ถ้าสาขาใกล้บ้านไม่มี ลองหาเพิ่มเติมที่ Villa Market , Tops Supermarket หรือไม่ก็ Makro และ Big C ที่นี้จะมีความหลากหลายให้เลือกหลากหลายแบรนด์มากกว่า 7-Eleven

ราคา : ไวน์แดงYellow Tail ที่ 7-Eleven มีราคาย่อมเยา โดยทั่วไปราคาประมาณ 400 บาท ต่อขวด ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับไวน์ออสเตรเลียคุณภาพดี

4. Penfolds เพนโฟลด์ :

คุณภาพ : Penfolds เป็นโรงกลั่นไวน์อันโดดเด่นของออสเตรเลีย ได้รับการยกย่องจากการผลิตไวน์แดงที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีรีส์ Grange มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพที่ยอดเยี่ยม

ราคา : ไวน์แดงเพนโฟลด์ที่ร้าน 7-Eleven รวมถึงฉลากที่เข้าถึงได้ง่ายบางรายการ มีตั้งแต่ 1,500 บาท ไปจนถึงหลายพันบาทต่อขวด ขึ้นอยู่กับไวน์

5. Casillero del Diablo :

คุณภาพ : Casillero del Diablo จากประเทศชิลี ขึ้นชื่อในด้านคุณภาพและคุณค่าที่สม่ำเสมอ แบรนด์นี้มีไวน์แดงหลากหลายประเภท รวมถึง Merlot และ Carmenere ที่แสดงถึงรสชาติของดินแดนชิลี

ราคา : ไวน์แดง Casillero del Diablo ที่ 7-Eleven มักจะมีราคาไม่แพง โดยเริ่มต้นที่ประมาณ 500 บาท ต่อขวด

6. Mont Clair :

ไวน์แดง 7 11
ไวน์แดง 7 11

ที่จำหน่ายใน 7-11 มักจะเป็นขวดเล็กขนาด 275 มล. เหมาะสำหรับการดื่มคนเดียวหรือทดลองชิม ราคาของไวน์ Mont Clair ใน 7-11 มักจะอยู่ที่ประมาณ 150-200 บาท ต่อขวดเล็ก ขึ้นอยู่กับสาขาและประเภทของไวน์ที่เลือก

Mont Clair Red Wine (ไวน์แดง): ราคาไวน์ Mont Clair Red Wine ที่ 7-Eleven ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 400 บาท

7.Graham Beck ไวน์แดง: ความหรูหราใน 7-11

Graham Beck ไวน์แดงจากแอฟริกาใต้ที่มีจำหน่ายใน 7-11 แค่บางสาขาเท่านั้น เป็นโอกาสดีสำหรับผู้ชื่นชอบไวน์คุณภาพในประเทศไทย

รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

  • กลิ่น: ผลไม้สีแดงเข้ม เครื่องเทศ และโอ๊ค
  • รสชาติ: เข้มข้น มีโครงสร้างดี
  • ท้ายลิ้ม: แทนนินนุ่มนวล กลมกล่อม

ราคาและความคุ้มค่า

  • ราคา: 450-500 บาทต่อขวด (750 มล.)
  • คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพระดับพรีเมียม

ข้อดีของ Graham Beck ใน 7-11

หาซื้อสะดวก
คุณภาพสูงในราคาเข้าถึงได้
เหมาะกับโอกาสพิเศษ
ประสบการณ์ไวน์แอฟริกาใต้

วิธีเสิร์ฟให้อร่อยที่สุด

  • อุณหภูมิ: 16-18°C
  • เปิดขวดทิ้งไว้ 30 นาทีก่อนดื่ม
  • คู่กับ: สเต็กเนื้อ พาสต้าซอสเนื้อ ชีสรสจัด

Graham Beck ไวน์แดงใน 7-11 เป็นตัวเลือกยอดเยี่ยมสำหรับผู้ต้องการลิ้มรสไวน์คุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลองหรือมื้ออาหารพิเศษ

4. ไวน์ขาว :

คนรักไวน์ขาวจะได้พบกับรสชาติมากมายที่ 7-Eleven มีไวน์ขาวหลากหลายประเภท เช่น Sauvignon Blanc, Chardonnay, Riesling และอื่นๆ อีกมากมาย ราคาไวน์ขาวมีหลากหลาย โดยมีตัวเลือกราคาไม่แพงเริ่มต้นที่ประมาณ 400 บาทต่อขวด ไวน์ขาวพรีเมียมมีราคาตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป ซึ่งมอบคุณภาพและรสชาติที่ยอดเยี่ยม

5. ไวน์Rose :

ไวน์โรเซ่ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความสดชื่นและกลิ่นผลไม้ เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการจิบสบายๆ และจับคู่กับอาหารที่หลากหลาย ที่ 7-Eleven สามารถหาไวน์โรเซ่ที่มีจำหน่ายในราคาที่หลากหลายโดยทั่วไปราคาไวน์โรเซ่จะเริ่มต้นที่ประมาณ 400 บาทต่อขวด ซึ่งให้ความสมดุลระหว่างคุณภาพและราคาที่เอื้อมถึง

6. สปาร์คกลิ้งไวน์ :

เพื่อยกระดับโอกาสพิเศษในการเฉลิมฉลอง 7-Eleven นำเสนอสปาร์กลิ้งไวน์ เช่น Prosecco และแชมเปญ ราคาสปาร์กลิ้งไวน์แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับยี่ห้อและคุณภาพ สามารถหาสปาร์กลิ้งไวน์ได้ในราคาประมาณ 800 บาท ต่อขวดสำหรับ Prosecco ไปจนถึงแชมเปญระดับพรีเมียมที่อาจมีราคาหลายพันบาทต่อขวด ตัวเลือกที่หลากหลายนำความมีชีวิตชีวาและความซับซ้อนมาสู่ช่วงเวลาที่น่าจดจำ

Mont Clair Sparkling Moskato

สีชมพูกลีบกุหลาบ ทำจากองุ่น Moscato สายพันธุ์เก่าแก่จากอิตาลี รสชาติหอมหวานเปรี้ยว ให้ความรู้สึกสดชื่น ดื่มง่าย
ราคาประมาณ 400 บาทต่อขวด

7. ไวน์นกหัวเราะ 7-11 (Laughing Bird Wine) : รสชาติ ราคา ความนิยม และการหาซื้อใน 7-11

ไวน์ Laughing Bird เป็นหนึ่งในไวน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นักดื่มไวน์ในประเทศไทย แบรนด์นี้มีต้นกำเนิดจากประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์คุณภาพสูงระดับโลก จุดเด่นของ Laughing Bird Wine อยู่ที่รสชาติที่หลากหลาย นุ่มนวล และดื่มง่าย ทำให้เหมาะสำหรับทั้งนักดื่มไวน์มือใหม่และนักดื่มที่มีประสบการณ์ อีกทั้งยังมีราคาที่คุ้มค่า สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าชั้นนำ รวมถึงใน 7-11 ที่เป็นร้านสะดวกซื้อยอดนิยมในประเทศไทย

ประเภทของไวน์ Laughing Bird และราคา

ไวน์ Laughing Bird มีหลากหลายประเภทให้เลือก ทั้งไวน์แดง ไวน์ขาว และไวน์โรเซ่ ซึ่งครอบคลุมรสนิยมของนักดื่มไวน์หลากหลายกลุ่ม ในตลาดไทย ไวน์ที่ได้รับความนิยมมากได้แก่:

ไวน์แดง (Red Wine):

ไวน์แดงของ Laughing Bird มีจุดเด่นที่รสชาติเข้มข้น แต่ยังคงความนุ่มนวลเมื่อสัมผัสลิ้น เหมาะสำหรับนักดื่มที่ชอบไวน์ที่มีตัวตนชัดเจน เช่น Shiraz หรือ Cabernet Sauvignon ไวน์ทั้งสองนี้มีกลิ่นหอมของผลไม้เข้มข้น เช่น แบล็กเบอร์รี และมีกลิ่นของเครื่องเทศที่ให้ความรู้สึกถึงความหรูหรา

  • ราคา: อยู่ในช่วง 350-450 บาท สำหรับขวดขนาด 750 มล.

ไวน์ขาว (White Wine):

ไวน์ขาวของ Laughing Bird ผลิตจากองุ่น Chardonnay และ Sauvignon Blanc โดยมีรสชาติที่สดชื่น มีกลิ่นหอมของผลไม้เมืองร้อน เช่น มะม่วง สับปะรด และแอปเปิ้ล เหมาะสำหรับดื่มในช่วงอากาศร้อนหรือจับคู่กับอาหารทะเล ไวน์ขาวมีความเปรี้ยวนิด ๆ ที่ช่วยตัดรสชาติของอาหารได้อย่างดีเยี่ยม

  • ราคา: ประมาณ 350-450 บาท สำหรับขวด 750 มล.

ไวน์โรเซ่ (Rosé Wine):

สำหรับนักดื่มที่ชอบรสชาติกลาง ๆ ไวน์โรเซ่ของ Laughing Bird ถือเป็นตัวเลือกที่ดี รสชาติหอมหวาน กลิ่นผลไม้ชัดเจน และมีความสดชื่น ทำให้ไวน์โรเซ่เป็นที่นิยมสำหรับงานปาร์ตี้หรือดื่มในโอกาสพิเศษ

  • ราคา: ไวน์โรเซ่ขนาด 750 มล. มีราคาประมาณ 350-500 บาท ขึ้นอยู่กับสถานที่จำหน่าย

การซื้อไวน์ Laughing Bird ใน 7-11

ไวน์ Laughing Bird สามารถหาซื้อได้ในร้านสะดวกซื้อ 7-11 บางสาขา ข้อดีคือมีขนาดขวดเล็ก 375 มล. ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองดื่มหรือซื้อในปริมาณที่ไม่มาก ราคาของขวดเล็กอยู่ที่ประมาณ 200-300 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่เข้าถึงง่าย

ไวน์ Laughing Bird ขนาด 375 มล. ที่พบใน 7-11 ที่นิยม มี 2 ประเภท

  • Laughing Bird Shiraz (375 มล.): ไวน์แดงที่มีรสชาติเข้มข้นและกลิ่นเครื่องเทศ ราคาอยู่ที่ประมาณ 250-300 บาท
  • Laughing Bird Chardonnay (375 มล.): ไวน์ขาวที่มีรสชาติสดชื่น มีกลิ่นหอมของผลไม้ ราคาอยู่ที่ประมาณ 200-250 บาท

ถ้าคุณเลือกซื้อไวน์ แล้วต้องการหาซื้อแก้วไวน์สุดหรู เรามีแนะนำ


🍷 ยกระดับประสบการณ์การดื่มไวน์ของคุณด้วยแก้วไวน์คุณภาพจาก Villeroy & Boch 🍇

เมื่อคุณเลือกไวน์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเฉลิมฉลองหรือการรับประทานอาหารสักมื้อ สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือแก้วไวน์ที่มีคุณภาพสูง 🥂 เพราะแก้วไวน์ที่ดีจะช่วยเพิ่มประสบการณ์การดื่มไวน์ได้อย่างมาก ไม่ว่าคุณจะเป็นนักดื่มไวน์มืออาชีพหรือแค่อยากให้มื้ออาหารของคุณดูหรูหรายิ่งขึ้น การเลือกแก้วไวน์ที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญไม่แพ้การเลือกไวน์เลยทีเดียว

Villeroy & Boch: แบรนด์แห่งคุณภาพและความเชี่ยวชาญกว่า 270 ปี 🏆

Villeroy & Boch ก่อตั้งขึ้นในปี 1748 ที่ประเทศเยอรมนี โดย François Boch และ Nicolas Villeroy เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องเซรามิกที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ด้วยประสบการณ์กว่า 270 ปี ในการผลิตสินค้าคุณภาพระดับพรีเมียม แบรนด์นี้ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบผลิตภัณฑ์บนโต๊ะอาหาร แก้วไวน์ และของตกแต่งบ้าน 🏡

แก้วไวน์ที่แนะนำจาก Villeroy & Boch และไวน์ที่เหมาะสม 🍷

Like Sage Wine Goblet Set (2pcs.) – 1600 ฿
แก้วไวน์ที่มีดีไซน์เรียบง่ายแต่หรูหรา ✨ เหมาะสำหรับไวน์ขาวที่มีรสชาติเบาและสดชื่น เช่น Chardonnay หรือ Sauvignon Blanc

Like Ice Wine Goblet (2pcs.) – 1600 ฿
เหมาะสำหรับเสิร์ฟไวน์ขาวหรือไวน์หวาน เช่น Riesling หรือ Moscato 🧊

Manufacture Rock Red Wine Goblet Set (4pcs.) – 3050 ฿
ถ้าคุณชื่นชอบไวน์แดง 🍷 ที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น เช่น Cabernet Sauvignon หรือ Merlot เซ็ตนี้คือคำตอบ

SET: Manufacture Rock Plates & Wine Glasses Set (12pcs.) – 13900 ฿
ชุดที่ครบครันสำหรับการจัดโต๊ะอาหาร 🎉 รวมถึงจานและแก้วไวน์ เหมาะสำหรับไวน์แดงและไวน์ขาว

Boston Coloured Apricot White Wine Goblet (4pcs.) – 4300 ฿
แก้วไวน์สีสันสดใส 🌈 ที่เหมาะสำหรับไวน์ขาว เช่น Pinot Grigio หรือ Chardonnay

Like Grape Wine Goblet (2pcs.) – 1600 ฿
แก้วไวน์ดีไซน์คลาสสิก 🍇 เหมาะสำหรับไวน์แดงรสชาติเข้มข้น เช่น Malbec หรือ Shiraz

Ovid Red Wine Goblet Set (4pcs.) – 2450 ฿
เหมาะสำหรับไวน์แดง เช่น Zinfandel หรือ Syrah 🍇

Ovid White Wine Goblet Set (4pcs.) – 2450 ฿
เหมาะสำหรับไวน์ขาว เช่น Sauvignon Blanc หรือ Pinot Grigio 🍾

New Moon Red Wine Goblet Set (4pcs.) – 3050 ฿
แก้วไวน์ที่ออกแบบทันสมัยและเรียบง่าย 🍷 แต่หรูหรา เหมาะสำหรับไวน์แดงเข้มข้น เช่น Bordeaux

วิธีการเลือกแก้วไวน์ให้เข้ากับไวน์ของคุณ 🥂

แก้วไวน์สำหรับไวน์แดง 🍷 ควรมีปากกว้างเพื่อให้กลิ่นหอมของไวน์กระจายได้เต็มที่
ส่วนแก้วไวน์ขาวควรมีขนาดเล็กกว่าเพื่อคงความเย็นของไวน์ 🧊

ลงทุนในแก้วไวน์ที่ดีเพื่อประสบการณ์การดื่มที่ดีที่สุด 🎯

เลือกแก้วไวน์จาก Villeroy & Boch ผ่านลาซาด้าเพื่อรับข้อเสนอพิเศษ 📦 และการจัดส่งที่รวดเร็ว 🚚

อ่านบทความอื่นๆ

13 อัปเดตราคา iPhone รุ่นล่าสุด และ รุ่นก่อนหน้า ! 📱 ซื้ออย่างไรให้คุ้มที่สุด ? 💰

13 รุ่น MacBook และ Mac แต่ละรุ่นเหมาะกับใคร : ความคุ้มค่าในการใช้งาน และ ประสิทธิภาพ

รสชาติไวน์แดง : 7 ความลับรสชาติอันลึกลับของไวน์แดง

7 ความลับของรสชาติอันลึกลับของไวน์แดง

ไวน์แดงมีเฉดสีเข้มและรสชาติละเอียดอ่อน ได้รับการยกย่องมาว่ามีความซับซ้อนและสง่างามในโลกแห่งเครื่องดื่ม รสชาติไวน์แดง คือสัมผัสแห่งความรู้สึกที่เข้มข้น โดดเด่นด้วยการผสมผสานความซับซ้อนขององุ่น พื้นที่ดิน และเทคนิคการผลิตไวน์ ในบทความนี้ เราจะเริ่มต้นทำความเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้รสชาติไวน์แดงเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

1. พันธุ์องุ่นและผลกระทบ :

ไวน์แดงมีรสชาติที่หลากหลายจากองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ โดยแต่ละสายพันธุ์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตัวอย่างเช่น :

   – Cabernet Sauvignon : ขึ้นชื่อในด้านความเข้มข้น โดยนำเสนอรสชาติของแบล็คเคอร์แรนท์ พลัม

   – Merlot : มอบโปรไฟล์ที่นุ่มนวล และเข้าถึงได้มากขึ้นด้วยโทนของเรดเบอร์รี่ ช็อคโกแลต

   – Pinot Noir : ได้รับรางวัลจากความสง่างาม เผยให้เห็นรสชาติของเชอร์รี่ ราสเบอร์รี่

2. ปัจจัยจากสถานที่ปลูกองุ่นที่ส่งผลต่อรสชาติไวน์แดง :

รสชาติของไวน์แดงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากพื้นที่ปลูก การผสมผสานเฉพาะของดิน ภูมิอากาศ และภูมิศาสตร์ที่ปลูกองุ่น ไวน์จากภูมิภาคต่างๆ อาจมีรสชาติที่แตกต่างกันอย่างมากมาย ตัวอย่างเช่น บอร์กโดซ์ฝรั่งเศสอาจแสดงแทนนินที่เข้มข้นและมีกลิ่นของกราไฟท์ ในขณะที่มัลเบกของอาร์เจนตินาอาจมีลักษณะเฉพาะด้วยเนื้อสัมผัสนุ่มและรสชาติผลไม้ที่เข้มกว่า

3. เสน่ห์ของอโรมาและกลิ่นของไวน์ :

การหมุนแก้วไวน์แดงจะปล่อยกลิ่นหอมและอโรมาออกมา กลิ่นหอมที่ประสานกันทำให้มองเห็นรสชาติได้ กลิ่นมีตั้งแต่กลิ่นผลไม้ (เช่น แบล็กเบอร์รี่ เชอร์รี่) ไปจนถึงกลิ่นเอิร์ธโทน (เช่น เห็ด พื้นป่า) และยังรวมถึงกลิ่นที่ซับซ้อน เช่น หนังสัตว์ ยาสูบ หรือ cedar(ลูกสน)

4. แทนนินและโครงสร้างทางเคมี :

แทนนินเป็นสารประกอบที่มีอยู่ในไวน์แดงซึ่งมีโครงสร้างและเนื้อสัมผัส สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างความรู้สึกแห้งและฝาดในปาก ซึ่งระดับของแทนนินจะแตกต่างกันไปในไวน์แดง ส่งผลต่อรสชาติโดยรวมและศักยภาพในการบ่มไวน์

5. การบ่มและพัฒนารสชาติ :

ไวน์แดงมีวิวัฒนาการไปตามกาลเวลา โดยรสชาติจะเปลี่ยนไปเมื่อไวน์สุกในขวด ไวน์แดงอ่อนอาจมีรสชาติผลไม้ที่มีชีวิตชีวา ในขณะที่ไวน์บ่มอาจให้คุณลักษณะที่ซับซ้อนมากกว่า เช่น หนัง กล่องซิการ์ และกลิ่นระดับสูง กระบวนการบ่มเป็นขั้นตอนการเพิ่มความลึกและความซับซ้อนให้กับรสชาติไวน์

6. การจับคู่อาหาร :

การจับคู่ไวน์แดงกับอาหารที่เหมาะสมสามารถยกระดับทั้งไวน์และอาหารได้ สีแดงที่เข้มข้นเช่น Cabernet Sauvignon ช่วยเสริมเนื้อแดงและอาหารแสนอร่อย ในขณะที่ Pinot Noir ที่เบากว่าสามารถเข้ากันได้อย่างสวยงามกับสัตว์ปีกและปลาแซลมอน การทำงานร่วมกันระหว่างไวน์และอาหารคือการผสมผสานอันน่ารื่นรมย์

7. ความชอบส่วนตัว :

รสชาติของไวน์แดงนั้นขึ้นอยู่กับความชอบและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล สิ่งที่คนหนึ่งมองว่าน่าหลงใหล อีกคนอาจไม่เป็นเช่นนั้น การลิ้มรสไวน์แดงชนิดต่างๆ และค้นพบรายการโปรดของคุณเป็นส่วนสำคัญของการเดินทางเพื่อศึกษาไวน์แดงและตัวเรา

บทสรุป :

รสชาติของไวน์แดงคือการผสมผสานระหว่างศิลปะ ภูมิศาสตร์ และประเพณีอันน่าหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นผู้ชื่นชอบไวน์ผู้ช่ำชองหรือเพิ่งเริ่มต้นที่อยากรู้อยากเห็น การเจาะลึกเข้าไปในโลกแห่งไวน์แดงคือการสำรวจประสาทสัมผัส การเชิญชวนให้ชื่นชมรสชาติที่สลับซับซ้อนและความมหัศจรรย์ ดังนั้น เทแก้ว ลิ้มรสกลิ่นหอม และเพลิดเพลินกับความซับซ้อนที่ทำให้ไวน์แดงเป็นสัญลักษณ์ของความประณีตทางรสชาติ เป็นการเดินทางที่รับประกันการค้นพบและความเพลิดเพลินไม่รู้จบ

ถ้าคุณมีไวน์ขวดโปรดในใจและต้องการที่เก็บดีๆ เรามีตัวเลือกให้

รสชาติไวน์แดง

นะนำตู้แช่ไวน์นำเข้าจากสวีเดนรุ่นต่างๆของทางร้าน
D154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
D42F ตู้แช่ไวน์ 42 ขวด
D46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
C18B ตู้แช่ไวน์ 18 ขวด

Dometic winecellar by orsgo.com

7 ข้อ(อ้าง)ในการกินไวน์วันละแก้ว !

7 ประโยชน์ของการกินไวน์วันละแก้ว

การเพลิดเพลินไปกับการกินไวน์วันละแก้วเป็นเรื่องที่ผู้หลงรักไวน์ทำตามๆกันมายาวนานกว่าร้อยปี นอกจากรสชาติอันน่าลิ้มลองและความสามารถในการนำไปประกอบอาหารที่หลากหลายแล้ว การดื่มไวน์ในระดับที่เหมาะสมยังมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงข้อดีที่รับรองโดยนักวิทยาศาสตร์ในเรื่องการดื่มไวน์หนึ่งแก้วต่อวัน และไวน์ส่งผลดีต่อคุณได้อย่างไร ?

1. สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด :

ประโยชน์ที่เลื่องชื่อที่สุดของการดื่มไวน์ในระดับที่พอประมาณคือช่วยบำรุงสุขภาพของหัวใจ โดยเฉพาะไวน์แดงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าโพลีฟีนอล(Polyphenols) รวมถึงสารเรสเวอราทรอล(Resveratrol) สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้สามารถช่วยปกป้องเยื่อบุผนังหลอดเลือด ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และปรับปรุงการทำงานระบบหัวใจและหลอดเลือดโดยรวม

2. แหล่งรวมสารต้านอนุมูลอิสระ :

ไวน์แดงเป็นแหล่งรวมตัวของสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย โพลีฟีนอล(Polyphenols) และฟลาโวนอยด์(Flavonoid)ในไวน์สามารถช่วยต่อสู้กับความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นและการอักเสบ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวข้องกับการป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ

3. การยืดอายุขัย :

การศึกษาพบว่าการบริโภคไวน์ในระดับที่พอเหมาะเชื่อมโยงกับอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น สารต้านอนุมูลอิสระในไวน์ช่วยดูแลสุขภาพของเซลล์และช่วยลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับอายุ แม้ว่านี่จะไม่ใช่แหล่งรวมของความเยาว์วัย แต่การดื่มไวน์สักแก้วในแต่ละวันเป็นไลฟ์สไตล์ของคุณช่วยให้ชีวิตยืนยาวและมีสุขภาพดีขึ้นได้

4. บำรุงสมอง :

สาร Resveratrol ซึ่งพบเยอะในไวน์แดงช่วยให้การรับรู้ดีขึ้น และ ลดความเสี่ยงของสภาวะทางระบบประสาท เช่น โรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน 

5. การจัดการโรคเบาหวาน :

การวิจัยล่าสุดระบุว่าการบริโภคไวน์ในระดับที่เหมาะสมสามารถปรับปรุงความไวของอินซูลินและลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานได้ ศักยภาพของ Resveratrol จะส่งผลเชิงบวกต่อการเผาผลาญกลูโคสอาจทำให้ป้องกันโรคเบาหวานได้ดีขึ้น

6. ลดความเครียดและช่วยผ่อนคลาย :

การจิบไวน์สักแก้วอาจเป็นพิธีกรรมต้อนรับในตอนท้ายของวันอันแสนวุ่นวาย ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและบรรเทาความเครียด การจิบไวน์ควบคู่ไปกับฤทธิ์ระงับประสาทเล็กน้อย สามารถช่วยผ่อนคลายและส่งผลให้สุขภาพจิตโดยรวมของคุณดีขึ้น

7. เพิ่มการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม :

การชนแก้วไวน์กับเพื่อนหรือคนที่คุณรักสามารถกระชับความสัมพันธ์ทางสังคม ซึ่งการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเป็นสิ่งสำคัญของสุขภาพจิตและอารมณ์ และไวน์สามารถทำหน้าที่เป็นสื่อกลางสำหรับการเชื่อมโยงที่มีความหมาย

บทสรุป:

แม้ว่าประโยชน์ต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการดื่มไวน์หนึ่งแก้วในแต่ละวันนั้น แต่ควรดื่มแบบพอประมาณเพราะการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ รวมถึงการเสพติดแอลกอฮอล์และความเสี่ยงในการเกิดโรคบางชนิด หากเลือกที่จะรวมการดื่มไวน์เข้ากับกิจวัตรประจำวัน ให้ทำอย่างมีความรับผิดชอบและสมดุล ซึ่งรวมถึงการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกายเป็นประจำ

กินไวน์วันละแก้ว

นะนำตู้แช่ไวน์นำเข้าจากสวีเดนรุ่นต่างๆของทางร้าน
D154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
D42F ตู้แช่ไวน์ 42 ขวด
D46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
C18B ตู้แช่ไวน์ 18 ขวด

Dometic winecellar by orsgo.com

7 ประโยชน์ของตู้เก็บไวน์ : ความหรูหราในการเก็บไวน์

ความหรูหราในการเก็บไวน์ : 7 ประโยชน์ของตู้เก็บไวน์

ในโลกที่การจัดเก็บไวน์ได้พัฒนาไปเรื่อยๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบไวน์ ตู้เก็บไวน์ถือเป็นจุดสูงสุดของความสะดวกสบาย มันเป็นมากกว่าอุปกรณ์จัดเก็บไวน์ แต่คือผู้พิทักษ์รสชาติ กลิ่นหอม และความทรงจำ ในบทความนี้ เรามาเจาะลึกกันว่าทำไมตู้แช่ไวน์เป็นสิ่งที่คุณคู่ควร

1.ความแม่นยำในการเก็บรักษา :

ตู้เก็บไวน์

ตู้แช่ไวน์มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่ล้ำสมัย ความแม่นยำนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าไวน์ขาวและไวน์แดงของคุณถูกเก็บไว้ที่อุณหภูมิที่เหมาะสมและพร้อมเสิร์ฟ ทำให้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสภาพไวน์อีกต่อไป

2.การรักษาระดับความชื้น :

ระดับความชื้นที่สม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการเก็บไวน์ ตู้แช่ไวน์ช่วยให้รักษาความชื้นไว้ที่ประมาณ 70% โดยรักษาจุกไม้ก๊อกและรักษาคุณภาพไวน์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

3.ความเงียบ :

ตู้แช่ไวน์ต่างจากตัวเลือกการจัดเก็บแบบดั้งเดิมตรงที่ตู้แช่ไวน์ทำงานเงียบและมีการสั่นสะเทือนน้อยที่สุด ทำให้ไวน์ของคุณไม่ถูกรบกวน ช่วยให้ไวน์คงสภาพได้อย่างดีและคงรสชาติอันละเอียดอ่อนไว้ได้

4.การป้องกันรังสียูวี :

รังสียูวีที่เป็นอันตรายที่ทำให้คุณภาพไวน์เสื่อมลง ตู้แช่ไวน์จะมีประตูกระจก 3 ชั้น ที่ช่วยกรองและทนต่อรังสียูวี ซึ่งจะช่วยรักษาความสมบูรณ์ของคอลเลกชันไวน์ของคุณ

5.ใช้งานง่าย :

สามารถปรับชั้นวางได้ ทำให้ปรับแต่งการจัดเรียงขวดไวน์เป็นเรื่องง่าย บางรุ่นมีการควบคุมด้วยหน้าจอสัมผัส ช่วยให้คุณสามารถจัดเรียงคอลเลกชันของคุณได้อย่างแม่นยำและมีสไตล์ ไม่ว่าคุณจะเก็บไวน์บอร์กโดซ์ ปิโนต์ นัวร์ หรือสปาร์คกลิ้งไวน์(Bordeaux, Pinot Noir,sparkling wine)

6.ประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ :

ตู้แช่ไวน์เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถผสานเข้ากับพื้นที่อยู่อาศัยของคุณได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการตั้งตู้แช่ไวน์แบบStand Alone หรือ Build In ตั้งแต่ห้องรับแขก ห้องครัวไปจนถึงห้องรับประทานอาหาร เพิ่มความหรูหราทันสมัยให้กับบ้านของคุณได้อย่างดี

7.การประกันความปลอดภัย :

ปกป้องไวน์ของคุณด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง : ตู้แช่ไวน์หลายรุ่นมาพร้อมกับประตูที่ล็อคได้และแผงปุ่มกดดิจิตอล เพื่อให้มั่นใจว่าคอลเลกชันไวน์อันมีค่าของคุณยังคงปลอดภัย

การเลือกตู้แช่ไวน์ที่เหมาะกับคุณ :

ก่อนเลือกตู้แช่ไวน์ ให้พิจารณาขนาดพื้นที่และศักยภาพในการเพิ่มของคอลเลกชันไวน์ของคุณ วัดพื้นที่ว่างของคุณและเลือกยูนิตที่ลงตัวกับความสวยงามของบ้าน ใส่ใจกับองค์ประกอบของการออกแบบ เนื่องตู้แช่ไวน์เหล่านี้จะผสมผสานการใช้งานเข้ากับความหรูหรา สุดท้ายคุณต้องตัดสินใจว่าคุณต้องการตู้แช่ไวน์รุ่นโซนเดียวหรือสองโซน ขึ้นอยู่กับความชอบไวน์ของคุณ

บทสรุป :

ตู้แช่ไวน์เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความซาบซึ้งในรสชาติของไวน์ ด้วยการควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำ การควบคุมความชื้น และการออกแบบที่พิถีพิถัน ตู้แช่ไวน์เหล่านี้จะยกระดับประสบการณ์ไวน์ของคุณไปสู่อีกระดับหนึ่ง คอลเลกชันไวน์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องการจัดเก็บเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมบารมีอีกด้วย ทำให้ทุกการดื่มของคุณเป็นช่วงเวลาที่ดี

แนะนำตู้แช่ไวน์นำเข้าจากสวีเดนรุ่นต่างๆของทางร้าน
D154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
D42F ตู้แช่ไวน์ 42 ขวด
D46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
C18B ตู้แช่ไวน์ 18 ขวด

Dometic winecellar by orsgo.com

ไวน์แช่ตู้เย็นได้ไหม ?  : 5 ทริค ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการแช่ไวน์

ไวน์แช่ตู้เย็นได้ไหม ?  : ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการแช่ไวน์

คอไวน์มักคุยกันเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการจัดเก็บไวน์ขวดโปรด ห้องเก็บไวน์และตู้แช่ไวน์มักเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆที่มีการพูดคุยกันซึ่งสองตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับการเก็บไวน์ในระยะยาว แล้วไวน์ขวดโปรดของคุณเก็บที่ไหน ไวน์แช่ตู้เย็นได้ไหม ? หรือว่ามันไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับไวน์ขวดพิเศษของคุณ ? ในบทความนี้ เราจะมาศึกษาไปด้วยกันว่าการแช่ไวน์ในตู้เย็นเหมาะสำหรับไวน์จริงหรือไม่ และแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการเก็บไวน์ของคุณ

การแช่เย็นอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาระยะสั้นที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาไวน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณวางแผนที่จะบริโภคภายในไม่กี่วันหรือภายในสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เฉพาะเพื่อให้แน่ใจว่าไวน์จะรักษารสชาติและคุณภาพไว้ได้

1.เรื่องอุณหภูมิ:

ไวน์ไวต่อความผันผวนของอุณหภูมิ ตามหลักการแล้ว ควรเก็บไวน์ที่อุณหภูมิระหว่าง 45°F (7°C) ถึง 65°F (18°C) แม้ว่าตู้เย็นทั่วไปจะเย็นกว่าช่วงนี้ แต่ก็เป็นที่ยอมรับได้ที่จะเก็บไวน์ขาวและโรเซ่ไว้ในตู้เย็นในช่วงเวลาสั้นๆ สำหรับไวน์แดง ขอแนะนำให้ใช้ตู้แช่ไวน์หรือหาบริเวณที่อุ่นกว่าเล็กน้อยในตู้เย็น อุณหภูมิประมาณ 55°F (13°C)

2.ตำแหน่งและความชื้น:

เก็บขวดไวน์ในแนวนอนเพื่อรักษาระดับความชื้นของจุกไม้ก๊อกและป้องกันไม่ให้ขวดแห้งซึ่งอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นได้ การรักษาระดับความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 70% เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการหดตัวของจุกไม้ก๊อกและการเน่าเสียของไวน์ ตู้เย็นส่วนใหญ่มีระดับความชื้นที่เหมาะสมสำหรับการเก็บไวน์แค่ระยะสั้นเท่านั้น

3.หลีกเลี่ยงการสั่นสะเทือน:

การสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลเสียต่อคุณภาพไวน์ หากตู้เย็นของคุณมีชั้นวางไวน์หรือพื้นที่เก็บไวน์ที่กำหนดไว้ ให้ใช้เพื่อลดการรบกวนให้เหลือน้อยที่สุด

4.ระยะเวลาการจัดเก็บ:

การแช่ในตู้เย็นเหมาะที่สุดสำหรับไวน์ที่คุณวางแผนจะบริโภคภายในเวลาสั้น หากคุณมีคอลเลกชันไวน์ที่คุณตั้งใจจะบ่มเป็นเวลานานหลายปี แนะนำให้ลงทุนในห้องเก็บไวน์หรือตู้แช่ไวน์ที่มีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่แม่นยำเท่านั้น

5.การปิดผนึกและการปกป้องขวด:

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขวดไวน์ได้รับการปิดผนึกอย่างถูกต้องด้วยจุกไม้ก๊อกหรือจุกไวน์ดั้งเดิม หากคุณเปิดขวดแล้ว ให้ปิดใหม่โดยใช้จุกปิดขวดไวน์เพื่อป้องกันการเกิดออกซิเดชัน

โดยสรุป :

ไวน์แช่ตู้เย็นได้ไหม ? คำตอบคือ ได้ แต่มีเงื่อนไขที่ต้องพิจารณาเพื่อรักษารสชาติและคุณภาพของไวน์ให้ดีที่สุด การแช่ไวน์ในตู้เย็นนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของไวน์และระยะเวลาที่จะเก็บ

ไวน์สามารถแช่ในตู้เย็นได้ แต่ไม่ควรเก็บไว้นานเกินไป หากเป็นไวน์ขาวและไวน์โรเซ่ สามารถแช่ตู้เย็นเพื่อให้เย็นก่อนดื่มได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรสชาติความสดชื่น แต่สำหรับไวน์แดง ควรนำออกจากตู้เย็นและพักที่อุณหภูมิห้องสักครู่ก่อนดื่ม เพราะไวน์แดงต้องการอุณหภูมิที่สูงกว่าเพื่อให้รสชาติสมบูรณ์

  • ไวน์ขาวและไวน์โรเซ่: เหมาะกับการเก็บในตู้เย็นเพื่อให้เย็นสดชื่นก่อนดื่ม ควรแช่ประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ
  • ไวน์แดง: หากจำเป็นต้องแช่ในตู้เย็น ควรนำออกมาก่อนดื่มอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ไวน์อุ่นขึ้นเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยดึงรสชาติที่แท้จริงออกมาได้ดี

ไวน์เปิดแล้วเก็บในตู้เย็นได้ไหม?

หากเปิดขวดไวน์แล้วดื่มไม่หมด การเก็บไวน์ในตู้เย็นเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยเฉพาะไวน์ขาวและไวน์โรเซ่ ไวน์เหล่านี้สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 3-5 วัน ส่วนไวน์แดงแม้จะสามารถเก็บในตู้เย็นได้ แต่ควรนำออกมาพักไว้ก่อนดื่มเพื่อให้รสชาติฟื้นตัว

การจัดเก็บไวน์ที่ถูกต้อง

นอกจากการแช่ไวน์ในตู้เย็นชั่วคราวแล้ว หากต้องการเก็บไวน์ระยะยาว ควรเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิ 12-18 องศาเซลเซียส และควรมีความชื้นประมาณ 60-70% การเก็บไวน์ในตู้เย็นระยะยาวอาจทำให้รสชาติของไวน์เสียหายได้ เนื่องจากอุณหภูมิต่ำเกินไปและมีการสั่นสะเทือนจากคอมเพรสเซอร์

NOTE : จำไว้ว่าสภาวะการเก็บรักษาที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของไวน์และวัตถุประสงค์การใช้งาน โดยการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ คุณสามารถเพลิดเพลินกับไวน์ที่คุณชื่นชอบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเลือกเก็บไว้ในตู้เย็นหรือตู้แช่ไวน์ก็ตาม

ไวน์แช่ตู้เย็น

แนะนำตู้แช่ไวน์นำเข้าจากสวีเดนรุ่นต่างๆของทางร้าน
D154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
D42F ตู้แช่ไวน์ 42 ขวด
D46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
C18B ตู้แช่ไวน์ 18 ขวด

Dometic winecellar by orsgo.com

อุณหภูมิแช่ไวน์ : อุณหภูมิไหนเหมาะสุดในการแช่ไวน์ ? 7 ทริค

อุณหภูมิแช่ไวน์ : 6 ทริค อุณหภูมิไหนเหมาะสุดในการแช่ไวน์ ?


ไวน์เป็นมากกว่าเครื่องดื่ม มันเป็นรูปแบบศิลปะที่วิวัฒนาการไปตามอุณหภูมิ ไม่ว่าคุณจะเป็นคอไวน์ตัวยงหรือผู้ชื่นชอบดื่มไวน์แบบสบายๆ การเข้าใจอุณหภูมิแช่ไวน์ ที่เหมาะที่สุดจะช่วยให้สามารถยกระดับประสบการณ์การดื่มไวน์ของคุณได้ ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้ไปด้วยกันว่าอุณหภูมิส่งผลต่อไวน์อย่างไร และรับข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับไวน์ขวดโปรดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

1. ไวน์ขาว: ความสมบูรณ์แบบแช่เย็น

   – ไวน์ขาว เช่น Sauvignon Blanc, Chardonnay และ Riesling จะเปล่งประกายเมื่อเสิร์ฟแบบแช่เย็น ช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสำหรับไวน์ขาวโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 45°F ถึง 55°F (7°C ถึง 13°C)

   – ไวน์ขาวที่รสชาติเบากว่า เช่น Sauvignon Blanc จะดีที่สุดในช่วงล่างสุดของช่วงนี้ ในขณะที่ไวน์Chardonnayที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มฟูกว่าจะได้ประโยชน์จากอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นเล็กน้อย

2. ไวน์แดง: ความสมดุลคือกุญแจสำคัญ

   – ไวน์แดง เช่น Cabernet Sauvignon, Merlot และ Pinot Noir ต้องการความอบอุ่นอีกเล็กน้อยเพื่อเผยคุณลักษณะเด่นทั้งหมดออกมาได้ดียิ่งขึ้น ช่วงอุณหภูมิที่แนะนำสำหรับไวน์แดงคือประมาณ 55°F ถึง 65°F (13°C ถึง 18°C)

   – สีแดงที่สว่างกว่า เช่น Pinot Noir จะดูดีเมื่อเย็นลงเล็กน้อย ในขณะที่สีแดงที่เข้มกว่า เช่น กาเบอร์เนต์ โซวิญง(Cabernet Sauvignon) จะมีรสสัมผัสที่เด่นในช่วงปลายที่สูงกว่า

3. สปาร์คกลิ้งไวน์: ความเย็นสดชื่น

   – สปาร์กลิงไวน์(Sparkling wine) รวมถึงแชมเปญและโพรเซคโก(Champagne , Prosecco) ขึ้นชื่อในเรื่องความซาบซ่าน หากต้องการเพลิดเพลินกับฟองและรสชาติอย่างเต็มที่ ให้เสิร์ฟแบบแช่เย็นที่อุณหภูมิประมาณ 40°F ถึง 50°F (4°C ถึง 10°C)

   – ถังน้ำแข็งเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการเก็บสปาร์กลิ้งไวน์ให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสมระหว่างการดื่ม

อุณหภูมิแช่ไวน์
อุณหภูมิแช่ไวน์

4. Rosé : ความสดชื่น

   – ไวน์Rosé ให้ความสมดุลอันน่ารื่นรมย์ระหว่างไวน์ขาวและไวน์แดง เก็บไว้ในตู้เย็นในช่วง 45°F ถึง 55°F (7°C ถึง 13°C) เพื่อรสชาติที่สดชื่น

   – อุณหภูมิที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะของไวน์Rosé ดังนั้นควรปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม

5. Dessert and Fortified Wines (เหล้าองุ่นแดงหรือขาวที่ผสมบรั่นดีหรือวอดก้า) : ความอบอุ่นอันแสนหวาน

   – Dessert Wines เช่น ไวน์พอร์ต(Port) และเชอร์รี่(Sherry) รวมถึงไวน์ผสมวอดก้า จะได้ประโยชน์จากอุณหภูมิในการเสิร์ฟที่อุ่นขึ้นเล็กน้อย โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 55°F ถึง 65°F (13°C ถึง 18°C)

   – ความอบอุ่นที่เพิ่มขึ้นช่วยให้ได้รสชาติและกลิ่นที่ซับซ้อนของไวน์เหล่านี้ได้อย่างเต็มที่

6. วิธีทำให้อุณหภูมิเหมาะสม:

   – ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดไวน์เพื่อให้แน่ใจว่าควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ

   – หากไวน์ของคุณเย็นเกินไป ให้ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องสักพักหนึ่งหรืออุ่นไวน์เบา ๆ ด้วยมือของคุณ

   – สำหรับไวน์ที่อุ่นเกินไป ลองใช้ถังน้ำแข็งหรือตู้แช่ไวน์เพื่อลดอุณหภูมิลงอย่างรวดเร็วตามที่ต้องการ

7. เคล็ดลับในการเสิร์ฟไวน์:

   – โปรดจำไว้ว่าอุณหภูมิของไวน์สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรสชาติ กลิ่น และประสบการณ์โดยรวมของไวน์

   – เมื่อเสิร์ฟไวน์หลากหลายชนิดในงาน ให้จัดเรียงจากสีอ่อนไปเข้มหรือแห้งไปหวานเพื่อช่วยให้แขกเห็นถึงความแตกต่างของไวน์แต่ละชนิด

โดยสรุป อุณหภูมิของไวน์เป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถเพิ่มหรือลดประสบการณ์การดื่มไวน์ของคุณได้ ด้วยการทำความเข้าใจอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับไวน์ประเภทต่างๆ และทำตามขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุ คุณจะสามารถลิ้มรสรสชาติและกลิ่นของไวน์ที่คุณชื่นชอบได้อย่างครบถ้วน ขอให้อุณหภูมิไวน์สมบูรณ์แบบและช่วงเวลาที่น่าจดจำ!

ถ้าคุณได้ทริคดีๆแล้วอยากได้ตู้แช่ไวน์ดีๆซักตู้ ลองชมตู้แช่ไวน์ของทางร้านได้ครับ 🙂

แนะนำตู้แช่ไวน์นำเข้าจากสวีเดนรุ่นต่างๆของทางร้าน
D154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
D42F ตู้แช่ไวน์ 42 ขวด
D46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
C18B ตู้แช่ไวน์ 18 ขวด

Dometic winecellar by orsgo.com

6 เทคนิค ใช้ตู้ไวน์ยกระดับคอลเลกชันไวน์

ตู้ไวน์

ยกระดับคอลเลกชันไวน์ของคุณด้วย ตู้ไวน์

ผู้ที่ชื่นชอบไวน์เข้าใจถึงความสำคัญของการจัดเก็บไวน์อย่างเหมาะสม สภาวะที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นของไวน์ที่คุณชื่นชอบได้
ในขณะที่การเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ไวน์เสียหายได้ หากคุณกำลังมองหาที่จะยกระดับคอลเลกชันไวน์ของคุณและลิ้มรสทุกการจิบ ตู้ไวน์ อาจเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ ในบทความนี้ เราจะอธิบายถึงคุณประโยชน์ของตู้แช่ไวน์ และเหตุใดเราจึงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ชื่นชอบไวน์

1. การควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำ:

ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการรักษาคุณภาพไวน์คือการรักษาอุณหภูมิให้สม่ำเสมอ ตู้แช่ไวน์ตอบโจทย์ในการควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าไวน์ของคุณจะถูกเก็บไว้ที่อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าคุณจะสะสมไวน์แดงหรือไวน์ขาว ตู้แช่ไวน์ ช่วยให้คุณสามารถกำหนดและรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมได้ โดยรักษาความสมบูรณ์ของคอลเลกชันไวน์คุณ

2. การจัดการความชื้น:

การรักษาระดับความชื้นที่เหมาะสมมีความสำคัญในการเก็บรักษาไวน์ ตู้แช่ไวน์ มาพร้อมกับระบบควบคุมความชื้นที่ป้องกันไม่ให้จุกไม้ก๊อกแห้งและไวน์จากการเกิดออกซิไดซ์ คุณลักษณะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับรองว่าไวน์ของคุณมีอายุอย่างงดงามและพัฒนาศักยภาพสูงสุด

3. ลดการสั่นสะเทือน:

การสั่นสะเทือนที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อกระบวนการเสื่อมสภาพของไวน์ได้ ตู้แช่ไวน์ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีลดการสั่นสะเทือน ซึ่งช่วยให้มั่นใจว่าไวน์ของคุณไม่ถูกรบกวน คุณสมบัตินี้มีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับการเก็บรักษาในระยะยาว ซึ่งแม้แต่การสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยก็สามารถนำไปสู่ปฏิกิริยาทางเคมีที่ไม่พึงประสงค์ในขวดได้

4. ประสิทธิภาพพื้นที่:

ตู้เก็บไวน์เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักสะสมไวน์ที่มีพื้นที่จำกัด เราเสนอตู้เก็บไวน์หลากหลายขนาดเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของคุณ ไม่ว่าคุณจะต้องการจัดเก็บขวดหลายสิบขวดหรือของสะสมจำนวนมาก ห้องเก็บไวน์ที่มีขนาดกะทัดรัดและมีประสิทธิภาพเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มความจุในการจัดเก็บได้สูงสุดโดยไม่กระทบต่อคุณภาพ

5. การออกแบบที่ทันสมัย:

เราเข้าใจดีว่าการจัดเก็บไวน์ไม่ได้เป็นเพียงเกี่ยวกับการใช้งานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสวยงามด้วย ห้องเก็บไวน์ไฟฟ้าได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม ช่วยเสริมบรรยากาศให้กับทุกห้อง ไม่ว่าคุณจะชอบรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและทันสมัยหรือสไตล์ดั้งเดิม เสนอตัวเลือกที่จะเติมเต็มการตกแต่งให้เข้ากับสไตล์ห้องของคุณ

6. ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน:

ห้องเก็บไวน์ไฟฟ้าของ Orsgo.com ไม่เพียงแต่ออกแบบมาเพื่อปกป้องไวน์เท่านั้น แต่ยังประหยัดพลังงาน เราใช้เทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูงที่ใช้พลังงานน้อยที่สุดในขณะที่ยังคงสภาพการจัดเก็บที่สมบูรณ์แบบสำหรับคอลเลกชันของคุณ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยประหยัดเงินค่าไฟอีกด้วย

แนะนำตู้แช่ไวน์นำเข้าจากสวีเดนรุ่นต่างๆของทางร้าน
D154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
D42F ตู้แช่ไวน์ 42 ขวด
D46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
C18B ตู้แช่ไวน์ 18 ขวด

Dometic winecellar by orsgo.com

วิธีเก็บไวน์ที่เปิดแล้วรวมถึงไวน์ขวดใหม่

วิธีเก็บไวน์ที่เปิดแล้ว
วิธีเก็บไวน์ที่เปิดแล้ว

วิธีเก็บไวน์ที่เปิดแล้วรวมถึงไวน์ขวดใหม่

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชื่นชอบดื่มไวน์เป็นประจำ หรือชอบจิบไวน์เป็นครั้งคราว การรู้วิธีจัดเก็บไวน์ก่อน และ วิธีเก็บไวน์ที่เปิดแล้ว ถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รสชาติและกลิ่นหอมที่ดีที่สุด 
การจัดเก็บไวน์ที่เหมาะสมสามารถสร้างความแตกต่างให้กับประสบการณ์การดื่มไวน์ของคุณได้อย่างมาก ในบทความนี้ เราจะสำรวจขั้นตอนและเคล็ดลับเพื่อช่วยให้คุณรักษาไวน์ให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม ตั้งแต่วินาทีแรกที่ไวน์เข้าบ้านไปจนถึงหยดสุดท้ายในแก้ว

1. อุณหภูมิมีความสำคัญ

   – ก่อนเปิด: เก็บขวดไวน์ไว้ในที่เย็น แสงเข้าถึงน้อยรวมถึงมีอุณหภูมิสม่ำเสมอประมาณ 55°F (13°C) หลีกเลี่ยงความผันผวนของอุณหภูมิ และความชื้น
เนื่องจากอาจทำให้ไวน์ด้อยคุณภาพลงและเน่าเสียได้ (แนะนำเป็นตู้แช่ไวน์หรือห้องเก็บไวน์)

   – หลังจากเปิด: หากคุณเปิดขวดและดื่มไม่หมดในคราวเดียว ให้ปิดขวดให้แน่นแล้วเก็บไว้ในตู้แช่ไวน์ที่อุณหภูมิประมาณ 55-65°F (13-18°C) สำหรับไวน์แดง
หรือ 45-50° F (7-10°C) สำหรับไวน์ขาว ควรบริโภคภายใน 2-3 วันเพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด

2. การควบคุมความชื้น

   – ก่อนเปิด: รักษาระดับความชื้นไว้ประมาณ 70% เพื่อป้องกันไม่ให้จุกไม้ก๊อกแห้ง และป้องกันไม่ให้อากาศซึมเข้าไปในขวด

   – หลังจากเปิด: การควบคุมความชื้นมีความสำคัญน้อยลงหลังเปิด แต่ยังคงควรรักษาความชื้นด้วยไม้ก๊อกเพื่อรักษาการปิดผนึก

3. หลีกเลี่ยงการสั่นสะเทือน

   – ก่อนเปิด: เก็บขวดไวน์ให้ห่างจากอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือน เช่น ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า เนื่องจากการสั่นสะเทือนอาจรบกวนตะกอนในไวน์ได้

   – หลังจากเปิด: ค่อยๆ จับขวดที่เปิดอยู่เพื่อไม่ให้รบกวนตะกอนที่อาจเกาะอยู่

4. หลีกเลี่ยงแสง UV

   – ก่อนเปิด: เก็บไวน์ไว้ในที่มืด หรือใช้ชั้นวาง หรือฝาครอบไวน์ที่ทนต่อรังสียูวีเพื่อป้องกันแสง ซึ่งอาจทำให้ไวน์รสชาติและกลิ่นสัมผัสด้อยลง

   – หลังจากเปิด: ใช้จุกปิดไวน์หรือระบบเก็บรักษาไวน์ที่ช่วยลดแสงของไวน์ให้เหลือน้อยที่สุด เช่น ตู้ไวน์ หรือห้องเก็บไวน์ใต้ดิน

5. เก็บรักษาไวน์ในที่ที่เหมาะสม

   – ก่อนเปิด: วิธีเก็บไวน์ที่เปิดแล้วเก็บขวดไวน์ในแนวนอน เพื่อรักษาความชื้นของจุกไม้ก๊อกและปิดผนึกให้แน่น

   – หลังเปิด: เก็บขวดที่เปิดแล้วไว้ตั้งตรง เพื่อลดพื้นที่ผิวที่สัมผัสกับออกซิเจน

6. ควบคุมกลิ่น

   – ก่อนเปิด: หลีกเลี่ยงการเก็บไวน์ไว้ใกล้สารที่มีกลิ่นแรง เนื่องจากไวน์สามารถดูดซับกลิ่นได้

   – หลังเปิด: ปิดขวดด้วยจุกสุญญากาศเพื่อป้องกันไม่ให้ไวน์ดูดซับกลิ่นในตู้เย็น

7. เก็บรักษาด้วยอุปกรณ์เฉพาะสำหรับการแช่ไวน์

– ก่อนเปิด : ควรลองพิจารณาลงทุนใน ห้องใต้ดิน หรือ ตู้แช่ไวน์ เพราะตู้แช่ไวน์ที่ดีจะช่วยควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่แม่นยำ ทำให้ช่วยรักษาคุณภาพและรสชาติทั้งไวน์ขาวและไวน์แดง โดยเฉพาะตู้แช่ไวน์ 2 โซนอุณหภูมิ ซึ่งเหมาะสำหรับแช่ทั้งไวน์ขาวและไวน์แดงในตู้เดียวกัน โดยแบ่งโซนด้านบนสำหรับแช่ไวน์ขาว(อุณหภูมิต่ำกว่า) ด้านล่างสำหรับแช่ไวน์แดง(อุณหภูมิสูงกว่า) เนื่องจากโดยปกติแล้วCompressorที่คอยทำความเย็นจะอยู่ด้านบน เลยทำให้ตู้โซนด้านบนจะมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าเลยเหมาะสำหรับแช่ไวน์ขาวในโซนด้านบน

วิธีเก็บไวน์ที่เปิดแล้ว
วิธีเก็บไวน์ที่เปิดแล้ว

แนะนำตู้แช่ไวน์นำเข้าจากสวีเดนรุ่นต่างๆของทางร้าน
D154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
D42F ตู้แช่ไวน์ 42 ขวด
D46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
C18B ตู้แช่ไวน์ 18 ขวด

Dometic winecellar by orsgo.com

   – วิธีเก็บไวน์ที่เปิดแล้ว : ใช้ปั๊มสุญญากาศ สเปรย์ก๊าซเฉื่อย หรือระบบถนอมไวน์ เพื่อกำจัดอากาศและยืดอายุไวน์ที่เปิดของคุณ

8. เสิร์ฟในอุณหภูมิที่เหมาะสม

   – ก่อนเปิด: ปล่อยให้ไวน์มีอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเสิร์ฟก่อนเปิดจุก โดยทั่วไปแล้วสีแดงจะมีรสชาติดีที่สุดที่อุณหภูมิอุ่นกว่าสีขาวเล็กน้อย

   – หลังเปิด: เสิร์ฟไวน์ตามอุณหภูมิที่แนะนำตามประเภทของไวน์ เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นที่ครบถ้วน

9. ฉลากและที่เปิดขวด

   – ก่อนเปิด: ควรดูแลรักษาคอลเลกชันไวน์อย่างเป็นระเบียบ ติดฉลากขวดพร้อมวันที่ซื้อและข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

   – หลังจากเปิดขวด: จดวันที่ที่คุณเปิดขวดเพื่อติดตามความสดของขวด

10. รู้ว่าเมื่อไหร่ควรบอกลาไวน์

   – ก่อนเปิด: ไวน์บางชนิดไม่ได้รสชาติดีขึ้นเมื่อเก็บนานๆ การศึกษาระยะเวลาการบ่มของไวน์แต่ละขวดช่วยได้ ดังนั้นอย่าลังเลในการหยิบไวน์ออกจากตู้แช่ไวน์และเพลิดเพลินไปกับไวน์ให้เติมเต็มค่ำคืนแสนพิเศษ

   – หลังจากเปิด: หากไวน์ผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดหรือสูญเสียรสชาติไปแล้ว ให้พิจารณานำไปใช้ปรุงอาหารหรือทิ้งไป

โดยสรุป การเก็บรักษาไวน์อย่างเหมาะสมทำได้โดยใช้วิธีและเครื่องมือที่เหมาะสม สามารถช่วยเพิ่มประสบการณ์การดื่มไวน์ของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะดื่มไวน์ขวดพิเศษหรือเพลิดเพลินกับอาหารค่ำสักแก้ว โดยทริคสั้นๆ 10 ข้อด้านบน สามารถมั่นใจได้เลยว่าไวน์ของคุณจะยังคงคุณภาพดีที่สุดตั้งแต่วินาทีที่คุณนำกลับบ้านไปจนถึงจิบหยดสุดท้ายในแก้วของคุณ

How to Properly Store and Preserve Wine Before and After Opening


Whether you’re a wine enthusiast or an occasional sipper, knowing how to store and preserve wine before and after opening is essential to ensure the best possible taste and aroma. Proper wine storage and handling can make a significant difference in your wine-drinking experience. In this guide, we’ll explore the steps and tips to help you keep your wine in optimal condition, from the moment it enters your home to the last drop in your glass.

1. Temperature Matters

  • Before Opening: Store wine bottles on their sides in a cool, dark place at a consistent temperature of around 55°F (13°C). Avoid temperature fluctuations, as they can cause wine to age prematurely and spoil.
  • After Opening: If you can’t finish the bottle in one sitting, recork it tightly and store it in the refrigerator at a temperature of about 55-65°F (13-18°C) for red wine or 45-50°F (7-10°C) for white wine. Consume within a few days for the best quality.

2. Humidity Control

  • Before Opening: Maintain humidity levels around 70% to prevent corks from drying out and allowing air to seep into the bottle.
  • After Opening: Humidity control is less critical after opening, but it’s still a good practice to keep the cork moist to maintain the seal.

3. Avoid Vibrations

  1. Before Opening: Keep wine bottles away from appliances that produce vibrations, such as refrigerators and washing machines, as vibrations can disturb the sediment in wine.
  2. After Opening: Handle the open bottle gently to avoid disturbing any sediment that may have settled.

4. Shield from Light

  • Before Opening: Store wine in a dark place or use UV-resistant wine racks or covers to protect it from light, which can cause wine to age prematurely.
  • After Opening: Use wine stoppers or wine preservation systems that minimize the wine’s exposure to light.

5. Maintain Proper Position

  • Before Opening: Store wine bottles horizontally to keep the cork moist and create a tight seal.
  • After Opening: Store open bottles upright to minimize the surface area exposed to oxygen.

6. Control Odors

  • Before Opening: Avoid storing wine near strong-smelling substances as wine can absorb odors.
  • After Opening: Seal the bottle with an airtight stopper to prevent wine from absorbing fridge odors.

7. Preserve with Wine Accessories

  • Before Opening: Consider investing in wine coolers, cellars, or wine fridges with precise temperature and humidity controls.
  • After Opening: Use vacuum pumps, inert gas sprays, or wine preservation systems to remove air and extend the life of your open wine.

8. Serve at the Right Temperature

  • Before Opening: Allow wine to reach its ideal serving temperature before uncorking. Reds generally taste best at slightly warmer temperatures than whites.
  • After Opening: Serve wine at the recommended temperature for its type to enjoy the full range of flavors and aromas.

9. Label and Date Bottles

  • Before Opening: Maintain an organized wine collection, labeling bottles with their purchase date and other relevant information.
  • After Opening: Jot down the date you opened the bottle to keep track of its freshness.

10. Know When to Say Goodbye

  • Before Opening: Not all wines improve with age. Research the aging potential of the wine you purchase, and don’t hesitate to enjoy it at its peak.
  • After Opening: If a wine has passed its prime or lost its flavors, consider using it for cooking or discard it.

In conclusion, proper wine storage and preservation practices can enhance your wine-drinking experience, whether you’re savoring a special bottle or enjoying a glass with dinner. By following these guidelines, you can ensure that your wine remains at its best from the moment you bring it home to the last sip in your glass. Cheers!

ตู้แช่ไวน์ช่วยคงคุณภาพไวน์ได้ยังไง ?

ตู้แช่ไวน์ระดับพรีเมี่ยม


ตู้แช่ไวน์ช่วยคงคุณภาพไวน์ได้ยังไง ?

วิธีการเลือกตู้แช่ไวน์ !?

สำหรับ “ตู้แช่ไวน์” ที่ดีควรมีระบบสร้างสภาพการเก็บรักษาที่สมบูรณ์ เพราะการดูแลรักษาคุณภาพไวน์มีข้อจำกัดยิบย่อย สำหรับไวน์แล้วการให้กลิ่นหรือรสชาติจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการเก็บรักษา และอุณหภูมิที่ถูกต้อง ดังนั้นในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทำความเย็น เราได้สร้างตู้แช่ไวน์เพื่อให้ไวน์อยู่ในอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม ถ้าคุณลูกค้ากำลังมองหาตู้แช่ไวน์เพื่อใช้ในบ้านหรือใช้ประกอบธุรกิจเราช่วยคุณได้ ! 

ระบบควบคุมความเย็น (TEMPERATURE CONTROL SYSTEM)

“ตู้แช่ไวน์ Dometic Winecellar  
ตู้แช่ไวน์ของเราเป็นตู้ที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมและการจัดเก็บที่สมบูรณ์แบบ โดยมีอุณหภูมิคงที่ระหว่าง 12 ° C (53.6 ° F) – 14 ° C (57.2 ° F) ซึ่งระบบการควบคุมอุณหภูมิทำหน้าที่ในการผลิตความเย็น  ส่งผลให้อุณหภูมิที่เหมาะสมนี้สามารถดึงรสชาติ กลิ่น และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไวน์ออกมาได้อย่างเต็มที่ รวมไปถึงในส่วนของระบบความชื้นสัมพัทธ์คงที่ ตู้แช่ไวน์ของเราจะเก็บความชื้นระหว่าง 50-70% 

ระบบการป้องกันรังสี UV (UV FILTER)

“แสง” เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างมากในการเก็บรักษาไวน์ขวดโปรดของคุณ โดยเฉพาะแสงอาทิตย์ที่มาพร้อมกับรังสี UV รวมถึงแสงไฟจากหลอดไส้และหลอด Fluorescent ในตู้แช่เย็นทั่วไปก็เช่นกัน

เนื่องจากในไวน์นั้นมีสารประกอบเอสเทอร์และฟีนอลอยู่ หากแสงอาทิตย์ทะลุขวดเข้ามาสัมผัสกับน้ำไวน์ ทำให้เกิดสารซัลเฟอร์ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสี กลิ่น และรสชาติ เช่น ไวน์แดงจะมีผลทำให้เกิดสัมผัสของแทนนิน (Tannin) และแอลกอฮอล์มากขึ้น ในขณะที่ไวน์ขาวจะเสียรสสัมผัสที่สดชื่นไป

ดังนั้น ตู้แช่ไวน์ ที่ดีควรมีการเคลือบกระจกด้วยสารป้องกันแสงอาทิตย์ที่มาจากภายนอกตู้ และระบบแสงสว่างภายในสำหรับเช็คฉลากไวน์ก่อนหยิบออกจากตู้ และใช้ระบบไฟแบบ LED ที่ให้แสงสว่างมากกว่าหลอดไส้หรือหลอด Fluorescent และแผ่กระจายความร้อนออกมาน้อยกว่า

ซึ่ง ตู้แช่ไวน์ Dometic Winecellar นั้นมีกระจกนิรภัย Tempered Glass สามชั้น พร้อมเคลือบสารป้องกันรังสี UV อีกทั้งระบบไฟ LED ที่สามารถเปิดดูได้จากภายนอก โดยไม่จำเป็นต้องเปิดตู้แช่ไวน์เพื่อเช็คสภาพไวน์ได้อีกด้วย

ระบบการควบคุมกลิ่น (ODOUR MANAGEMENT)

ตู้แช่ไวน์ที่ดีควรมีระบบการควบคุมกลิ่นต่าง ๆ โดยเฉพาะในระบบหมุนเวียนอากาศที่จะต้องมีอุปกรณ์กรองอากาศที่ช่วยในการลดและควบคุมกลิ่น เช่น ตัวกรองอากาศที่มีคุณสมบัติในการกรองและดูดซับกลิ่นต่าง ๆ โดยตู้แช่ไวน์ Dometic Winecellar ของเรา มี Charcoal Filter ซึ่งได้รับการยอมรับว่าช่วยในการกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ดีเยี่ยมติดตั้งอยู่ภายในเครื่อง

การเก็บไวน์ที่แตกต่างกัน  (A DUAL ZONE WINE COOLER)

ถ้าต้องการเก็บไวน์แดงและไวน์ขาวไว้ในตู้เก็บไวน์เดียวกัน เรามีทางออกง่ายๆ โดยการเลือกใช้ตู้แช่ไวน์แบบ Dual Zone เป็นการทำความเย็นแก่ไวน์แบบ 2 โซน ช่วยให้คุณสามารถจัดเก็บไวน์ได้ 2 ชนิดในตู้แช่ไวน์เดียวกันโดยด้านบนเป็นไวน์ขาว ด้านล่างเป็นไวน์แดง ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มในการซื้อตู้แช่ไวน์แยกต่างหาก

เทคโนโลยีคอมเพรสเซอร์ (COMPRESSOR WINE CABINET)

ตู้แช่ไวน์ของเรามีเทคโนโลยีคอมเพรสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดีเยี่ยม และเสียงเงียบ โดยใช้กระแสไฟฟ้าต่ำ และไม่กังวลเรื่องอุณหภูมิสูง เนื่องจากตู้แช่ไวน์จาก Dometic Winecellar สามารถตั้งอุณหภูมิในการดื่มไว้ล่วงหน้าได้และมีอุณหภูมิคงที่ เหมาะกับผู้ที่หลงไหลการดื่มไวน์อย่างแน่นอน!

แนะนำตู้แช่ไวน์รุ่นต่างๆของทางร้าน

D154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C154F ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด
C46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
D42F ตู้แช่ไวน์ 42 ขวด
D46B ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด
C18B ตู้แช่ไวน์ 18 ขวด

(กดเพื่อเข้าชมสินค้า)

DOMETIC WINE CELLAR

PERFECT STORAGE CONDITIONS FOR WINES AND CHILLED BEVERAGES
For a wine to unfold its full bouquet and flavor, both the storage conditions and the serving temperature must be right. As specialists in mobile refrigeration and climate control, we have created a comprehensive product range of wine coolers for keeping wines at their optimum temperature. Whether you are wine enthusiast looking for a home wine cellar or a business searching for a mini wine fridge or large capacity under counter wine cooler, we have the solution for you!

WHAT TO THINK OF WHEN BUYING A WINE CELLAR?
There are a number of factors that will go into selecting the right wine refrigerator for all of your needs. These include the wine fridge’s size, bottle capacity, volume, temperature zones, cooling components, length of anticipated storage time and shelf life of the unit. The better the wines that are in your collection, the longer you are probably going to age them. The only way wines reach their full potential is when they’re stored in a wine storage cabinet which properly protects them from all the enemies of wine. Unless your wine refrigerator is specifically designed for wine, then your wine is at risk!

DOMETIC WINE CELLARS – OPTIMAL STORAGE AND THE PERFECT TEMPERATURE 
Constant temperature throughout the year – between 12°C(53,6°F) and 14°C(57,2°F) achieved thanks to electronic temperature regulation in our wine cellars, acting on external cold or heat production. All wines, whether white or red, should be stored at the same temperature as that of a natural cellar. Constant adapted humidity – our wine coolers keep the humidity between 50-70 %. Only the greatest natural cellars keep this constant. Anti UV-protection – the “low emission” treatment of double-glazed doors on our wine fridges stops harmful ultraviolet rays. Constant ventilation – the air circulating inside the wine cellar by natural convection is constantly renewed. Outside air enters the upper cellar through an active carbon filter which effectively eliminates all odors before they enter the wine cellar. It is neatly emitted from the lower part of the cellar.

THE BEST WINE CELLAR CHOICE FOR AGING WINE
It is essential to know how to determine the optimal moment for tasting wines. The ageing process is altered by poor wine storage (variations in temperatures, vibrations, light, etc.). The choice of a suitable wine cellar, using these criteria, is crucial to ensure that your great wines reach their peak.

WINE STORAGE TIPS
Keep your wine bottles in the dark. Ultraviolet light in direct sunlight can harm the wine so make sure to store all wines away from the light. It is best to store them somewhere that is free from odors and well ventilated. Wine bottles should also rest in a stable position, free from vibrations. The temperature should remain constant throughout the year. Our superb wine cabinets can do all this and more!

HOW TO STORE DIFFERENT WINES 
What do you do if you want to store red and white wine together in the same wine storage cabinet? There is an easy solution! The best wine cooler in this situation is a dual zone wine cooler. A dual zone wine cooler allows you to store two different wines, according to their own ideal storage conditions, in the same wine storage cabinet. So you don’t need to spend extra money on a separate wine refrigerator for reds and whites!

COMPRESSOR WINE CABINET
Compressor technology means excellent cooling performance with low current consumption, irrespective of high ambient temperatures. Multi-temperature wine cabinets from Dometic are ideal for storing red, white and sparkling wines which are soon the be served. The desired drinking temperature is simply pre-set and kept constant.