ไวน์คืออะไร? ครบทุกเรื่องไวน์ 10 ประเภท ที่ควรรู้

ผมเคยถามเพื่อนตรงๆเพราะไม่รู้ ครับว่า “จริงๆ แล้ว ไวน์คืออะไร ทำไมบางคนถึงหลงใหลกับมันนัก ทั้งที่ก็แค่เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์เหมือนเหล้า เบียร์ วิสกี้?”
ตอนนั้นเพื่อนยิ้มบางๆ แล้วตอบมาว่า… “ไวน์มันไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่มันคือเรื่องเล่าในขวดแก้ว”
ใช่ครับ ทุกขวดที่เราเปิด มันเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และฝีมือของคนทำไวน์ที่ส่งต่อกันมาหลายร้อยปี จะบอกว่าเป็น ศิลปะที่ดื่มได้ ก็ไม่ผิด
สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นกับไวน์ วันนี้ผมจะเล่าให้ฟังแบบไม่วิชาการ แต่เข้าใจง่ายแน่นอนครับว่า ไวน์คืออะไร ความรู้เรื่องไวน์พื้นฐาน และไวน์มีกี่ชนิด รวมถึงพาไปรู้จักกับการหมักไวน์ การทำไวน์ผลไม้ และแม้แต่ไวน์ที่เอาไว้ใช้ทำอาหารอย่าง Cooking Wine ด้วย
ไวน์คืออะไร?
ถ้าให้สรุปแบบสั้นที่สุด ไวน์คือเครื่องดื่มที่หมักจากองุ่น (หรือผลไม้อื่นๆ) โดยใช้ “ยีสต์” เป็นตัวแปลงน้ำตาลในผลไม้ให้กลายเป็นแอลกอฮอล์และกลิ่นรสใหม่ๆ
ส่วนผสมจริงๆ ไม่ได้เยอะเลยครับ:
องุ่น (หรือผลไม้)
ยีสต์
เวลา
แต่ความมหัศจรรย์มันอยู่ตรง “วิธี” และ “รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ” ที่ทำให้ไวน์แต่ละขวดแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์องุ่น ดินที่ปลูก อุณหภูมิที่บ่ม หรือแม้แต่ถังไม้โอ๊กที่ใช้หมัก ทุกปัจจัยเล็กๆ เหล่านี้รวมกันจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของไวน์แต่ละขวด
ความรู้เรื่องไวน์พื้นฐานที่หลายคนเข้าใจผิด
ก่อนจะลงลึก มาลองแก้ความเข้าใจผิดที่คนเจอเยอะที่สุดครับ
ไวน์ไม่ใช่เหล้าองุ่นทุกชนิด
บางคนเรียก Brandy หรือ Cognac ว่า “เหล้าองุ่น” แต่จริงๆ แล้วนั่นไม่ใช่ไวน์ครับ
ไวน์ไม่ได้แพงเสมอไป
ไวน์ราคาหลักร้อยก็มี และบางขวดอร่อยใช้ได้เลย
ไวน์ไม่ได้ดื่มกับสเต็กอย่างเดียว
จริงๆ ไวน์เข้ากับอาหารหลายประเภท ทั้งชีส พิซซ่า อาหารญี่ปุ่น หรือแม้แต่อาหารไทยเผ็ดๆ ถ้าเลือก pairing ดีๆ มันไปด้วยกันได้หมด
10 ชนิดของไวน์ ที่คุณควรรู้ก่อนเริ่มดื่ม
เวลาเราเดินเข้าร้านอาหารหรู หรือแม้แต่เปิดเมนูในร้านธรรมดาที่มีไวน์เสิร์ฟ หลายคนแอบเกร็งในใจ… “ไวน์แต่ละแบบมันต่างกันยังไงนะ?”
จริง ๆ ถ้าเรารู้จักประเภทของไวน์สักนิด ทุกอย่างจะง่ายขึ้นมาก และการดื่มก็จะสนุกขึ้นอีกเยอะ
นี่คือ 10 ชนิดของไวน์ ที่ควรรู้ก่อนเริ่มดื่มครับ
1.ไวน์แดง (Red Wine)
ไวน์ที่คนคุ้นเคยที่สุด ทำจากองุ่นแดงหรือดำ หมักรวมกับเปลือก → ได้สีเข้ม รสเข้ม
กลิ่นจะออกผลไม้สุก ช็อกโกแลต หรือเครื่องเทศบาง ๆ
กินกับสเต็ก เนื้อแกะ หรือชีสแข็งแล้วเข้ากันสุด ๆ
องุ่นดัง ๆ: Cabernet Sauvignon, Merlot, Shiraz
2. ไวน์ขาว (White Wine)
ไวน์ที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ดื่มง่าย ทำจากองุ่นขาว หรือองุ่นแดงที่เอาเปลือกออกก่อนหมัก
รสชาติออกเบา ๆ สดใส เปรี้ยวหวานกำลังดี
เหมาะกับปลา อาหารทะเล และสลัด
องุ่นยอดนิยม: Chardonnay, Sauvignon Blanc
3. โรเซ่ (Rosé Wine)
สีชมพูสวย เกิดจากการหมักองุ่นแดงแค่ช่วงสั้น ๆ ก่อนแยกเปลือกออก
ดื่มแล้วสดชื่น เบา ๆ ไม่ซับซ้อน
เหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มลองไวน์ และบรรยากาศสบาย ๆ อย่างปาร์ตี้
4.สปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine)
ไวน์ที่มีฟองซ่าในตัว เช่น Champagne, Prosecco, Cava
แค่เปิดขวดก็ได้อารมณ์เฉลิมฉลองทันที
ไม่ว่าจะงานแต่ง วันเกิด หรือเคาท์ดาวน์ปีใหม่ ตัวนี้มาเมื่อไหร่บรรยากาศก็ครึกครื้น
5.ไวน์ของหวาน (Dessert Wine)
รสหวานจัด ดื่มคู่กับขนมแล้วเข้ากันดีมาก
ถ้าเจอเค้ก หรือไอศกรีม เอาไวน์แบบนี้มาคู่กันคือจบเลย
6.ฟอร์ติฟายด์ไวน์ (Fortified Wine)
ไวน์ที่เติมแอลกอฮอล์เพิ่ม เช่น Port, Sherry
รสเข้ม ข้น นิยมดื่มเป็นแก้วเล็ก ๆ หลังมื้ออาหาร
7.ไวน์ออเรนจ์ (Orange Wine)
ทำจากองุ่นขาว แต่หมักรวมเปลือก → ได้สีส้มอำพัน
รสเข้ม มีความขมเล็กน้อย คล้ายชา
ไม่ใช่ทุกคนจะชอบ แต่ใครที่ชอบจะติดใจ
8.ไวน์ธรรมชาติ (Natural Wine)
หมักโดยไม่ใช้สารเคมี → ได้รสชาติที่ “ดิบ” และจริง
เป็นเทรนด์ใหม่ที่คนรักสุขภาพและคนรุ่นใหม่หันมาสนใจกันมาก
9.ไวน์ผลไม้ (Fruit Wine)
ไม่ได้ทำจากองุ่น แต่ใช้ผลไม้อื่น เช่น สตรอว์เบอร์รี บ๊วย หรือแอปเปิ้ล
ในไทยเจอเยอะ เพราะอากาศบ้านเราไม่เหมาะกับองุ่นบางพันธุ์
ดื่มง่าย รสชัดเจนจากผลไม้จริง ๆ
10.คุกกิ้งไวน์ (Cooking Wine)
อันนี้ไม่ใช่ไวน์สำหรับดื่ม แต่ทำมาเพื่อใช้ทำอาหารโดยเฉพาะ
เวลาใส่ลงไปในซอสหรือสตูว์ จะช่วยดึงรสชาติให้กลมกล่อมขึ้น
คือไวน์ที่ผลิตมาเพื่อใช้ทำอาหาร ไม่ใช่เพื่อดื่ม
ทำให้อาหารมีกลิ่นหอมและรสลึกขึ้น
ตัวอย่าง: ใช้ White Wine ทำซอสพาสต้า, Red Wine ทำสตูว์
การหมักไวน์: ศาสตร์และศิลป์
การทำไวน์คือการผสมผสานระหว่าง วิทยาศาสตร์กับศิลปะ
เก็บองุ่น (Harvesting)
ต้องเลือกช่วงที่น้ำตาลและกรดสมดุลที่สุด
บดองุ่น (Crushing)
ให้ยีสต์เริ่มทำงาน
หมัก (Fermentation)
ยีสต์เปลี่ยนน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์
บ่ม (Aging)
ใช้ถังไม้โอ๊กหรือถังสเตนเลส → กลิ่นและรสจะต่างกัน
นี่คือเหตุผลที่ ไวน์สองขวดจากไร่เดียวกันแต่คนละปี รสยังไม่เหมือนกันเลยครับ
ไวน์กับสุขภาพ: ดื่มยังไงถึงจะดี
เวลาคนพูดถึง “ไวน์กับสุขภาพ” มักจะนึกถึงภาพฝรั่งนั่งริมทะเล จิบไวน์แดงหนึ่งแก้ว พร้อมสเต็กชิ้นสวย บรรยากาศดูหรูหราสุขภาพดีไปหมด… แต่เอาจริงๆ แล้ว การดื่มไวน์ให้ได้ประโยชน์ มันไม่ใช่เรื่องภาพลักษณ์ แต่เป็นเรื่อง “ปริมาณ” และ “วิธีดื่ม” ครับ
ทำไมไวน์ถึงถูกยกให้มีประโยชน์?
ไวน์โดยเฉพาะไวน์แดง มีสารสำคัญที่ชื่อว่า Resveratrol ซึ่งอยู่ในเปลือกองุ่นแดง งานวิจัยบางชิ้นบอกว่ามันช่วยเรื่องหัวใจและหลอดเลือด เช่น
ลดความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือด
ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ช่วยชะลอวัย
ไม่ใช่แค่นั้นครับ ไวน์แดงยังมี Polyphenol อีกหลายตัวที่เชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิดด้วย
แต่… (มีแต่เสมอ)
ถ้าดื่มมากเกินไป ไวน์จะกลายเป็นพิษมากกว่ายา
ปริมาณที่เหมาะสมแค่ไหน? 🍷
ผู้ชาย: ไม่เกิน 2 แก้ว/วัน (1 แก้ว = ~150 ml)
ผู้หญิง: ไม่เกิน 1 แก้ว/วัน
กฎทองของไวน์คือ ดื่มเพื่อรสชาติ ไม่ใช่เพื่อเมา
ดื่มมากกว่านี้แทนที่จะได้ประโยชน์ จะกลายเป็นเพิ่มความเสี่ยงโรคตับ ความดันสูง และโรคอ้วนแทนครับ
ถ้าดื่มเกินไป เสี่ยงอะไรบ้าง?
ตับพัง – เพราะแอลกอฮอล์ทุกชนิดต้องผ่านตับ
ความดันสูง – ดื่มไวน์มากไปจะทำให้หัวใจทำงานหนัก
อ้วนขึ้นง่าย – ไวน์มีทั้งแคลอรีและน้ำตาล (โดยเฉพาะไวน์หวาน)
คุณภาพการนอนแย่ลง – หลับง่ายก็จริง แต่เป็นการนอนที่ไม่ลึก
เสี่ยงโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด – ถ้าดื่มเกินขนาดเรื้อรัง
เวลาไหนดื่มแล้วดีกว่า?
ระหว่างอาหารเย็น → ดีที่สุด เพราะร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์ช้าลง
ไม่ควรดื่มตอนท้องว่าง → แอลกอฮอล์ดูดซึมเร็วไป ร่างกายเสียสมดุล
ไม่ควรดื่มก่อนนอน → หลับง่ายก็จริง แต่ตื่นมาเพลีย
ดื่มไวน์ให้ได้ประโยชน์ ต้องรู้จัก “Pairing”
ไวน์ไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่ถ้าเลือกจับคู่กับอาหารที่เหมาะ จะช่วยให้ร่างกายย่อยง่ายขึ้น และได้สารอาหารครบ
ไวน์แดง + เนื้อแดง / ชีสแข็ง → ได้ทั้งโปรตีนและสารต้านอนุมูลอิสระ
ไวน์ขาว + ปลา / อาหารทะเล → โปรตีนย่อยง่าย + รสไวน์สดชื่น
โรเซ่ + อาหารไทยเผ็ดๆ → ลดความเผ็ด เพิ่มความกลมกล่อม
แล้วไวน์เหมาะกับใครบ้าง?
คนที่อยากผ่อนคลายหลังเลิกงาน → ดื่มแก้วเล็กๆ ก็ช่วยให้สมองเบาลง
คนที่ชอบสังสรรค์ → ไวน์ช่วยให้บรรยากาศดูมีระดับ
คนรักสุขภาพ → ดื่มพอดีๆ เพื่อได้สาร Resveratrol
แต่!!
ไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์
ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคตับ / ความดันสูง
ไม่เหมาะกับคนที่ดื่มควบคุมไม่ได้
👉 บทความที่ควรอ่านต่อ
💡 ไวน์ดื่มแล้วดีจริง แต่ต้อง “พอดี” เหมือนยาที่กินเกินขนาดก็กลายเป็นพิษ ถ้าคุณอยากให้ไวน์ทุกแก้วคุ้มค่า ควรเก็บมันให้ถูกอุณหภูมิด้วย ตู้แช่ไวน์ Dometic เพราะต่อให้คุณเลือกไวน์ดีแค่ไหน ถ้าเก็บไม่ถูก… รสชาติก็เสียครับ
วิธีเก็บไวน์ให้รสชาติไม่เสีย
หลายคนซื้อไวน์ดีๆ มา แต่ดื่มแล้วผิดหวัง เพราะเก็บไม่ถูกที่… จริงๆ เรื่องนี้สำคัญมากครับ
ไวน์แดง ควรเก็บที่ 12–18°C
ไวน์ขาว & Sparkling เก็บที่ 6–12°C
ตู้เย็นปกติทำได้แค่เย็นอย่างเดียว แต่ไม่สามารถควบคุมความชื้นและอุณหภูมิได้พอดี → นี่แหละครับที่ทำให้ “ตู้แช่ไวน์” กลายเป็นของจำเป็นสำหรับคนจริงจัง
ถ้าอยากดูแลไวน์เหมือน Sommelier มืออาชีพ ผมแนะนำลองดู รีวิวตู้แช่ไวน์ Dometic → เพราะต่อให้ไวน์ขวดละพันหรือหมื่น ถ้าเก็บไม่ถูก มันก็เสียเสน่ห์หมด
ถ้าคุณต้องการบ่มไวน์เพื่อเก็บไวน์ในระยาว ติดต่อเรา 🍷
-
ตู้แช่ไวน์ 18 ขวด นำเข้าจากสวีเดน D18B
65,900฿Original price was: 65,900฿.39,000฿Current price is: 39,000฿. Add to cart -
ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด นำเข้าจากสวีเดน D154F
125,000฿Original price was: 125,000฿.99,000฿Current price is: 99,000฿. Add to cart -
ตู้แช่ไวน์ 154 ขวด นำเข้าจากสวีเดน C154F
135,000฿Original price was: 135,000฿.109,000฿Current price is: 109,000฿. Add to cart -
ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด นำเข้าจากสวีเดน C46B
90,000฿Original price was: 90,000฿.69,000฿Current price is: 69,000฿. Add to cart -
ตู้แช่ไวน์ 42 ขวด นำเข้าจากสวีเดน D42B
90,000฿Original price was: 90,000฿.69,000฿Current price is: 69,000฿. Add to cart -
ตู้แช่ไวน์ 18 ขวด นำเข้าจากสวีเดน C18B
59,000฿Original price was: 59,000฿.49,000฿Current price is: 49,000฿. Add to cart -
ตู้แช่ไวน์ 46 ขวด นำเข้าจากสวีเดน D46B
80,000฿Original price was: 80,000฿.59,000฿Current price is: 59,000฿. Add to cart
สรุป
“ไวน์คืออะไร” คำตอบมันไม่ใช่แค่ เครื่องดื่มที่หมักจากองุ่น แต่มันคือการเดินทางของรสชาติ เรื่องเล่า และความทรงจำที่ซ่อนอยู่ในแก้ว
ไวน์มี 10 ประเภทหลัก ที่ควรรู้ก่อนเริ่มดื่ม
ทุกชนิดมีเสน่ห์เฉพาะตัว ทั้งรสชาติ กลิ่น และโอกาสที่เหมาะสม
การหมักไวน์คือหัวใจสำคัญที่ทำให้แต่ละขวดแตกต่าง
ดื่มให้พอดี → ได้ทั้งรสชาติและสุขภาพ
เก็บให้ถูกวิธี → ทุกแก้วที่เปิดจะยังสดเหมือนวันแรก
ไวน์จึงไม่ใช่เรื่องของ “แพงหรือถูก” แต่คือเรื่องของ “คุณให้คุณค่ากับมันยังไง”
และถ้าคุณพร้อมจะเริ่ม… จงเลือกขวดแรกของคุณ เก็บมันอย่างถูกวิธี แล้วไวน์จะเล่าเรื่องราวให้คุณฟังเองครับ 🍷