เครื่องทําน้ําแข็งกินไฟไหม ? ซื้อมาจะคุ้มค่าหรือไม่? 8ข้อมาดูกัน! 🧊💡

ถ้ากำลังมองหาเครื่องทำน้ำแข็งสำหรับกิจการของคุณ คำถามที่อาจผุดขึ้นมาในใจคือ “เครื่องทําน้ําแข็งกินไฟไหม?” เรามาหากำตอบกัน !

ในยุคที่ค่าไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ การเลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่ดีจะช่วยลดค่าใช้จ่าย 

1. บทนำ: เครื่องทำน้ำแข็งและความกังวลเรื่องการใช้ไฟ

หากคุณกำลังคิดจะลงทุนในเครื่องทำน้ำแข็งสำหรับธุรกิจ แต่กังวลว่า “เครื่องทําน้ําแข็งกินไฟไหม?” เราจะมาไขข้อสงสัยนี้กันอย่างละเอียด มาทำความเข้าใจถึงการใช้พลังงานของเครื่องทำน้ำแข็ง ปัจจัยที่มีผลต่อค่าไฟฟ้า รวมถึงความคุ้มค่าในการลงทุน เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น พร้อมทั้งวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุนเครื่องทำน้ำแข็งแต่ละรุ่น เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ 💪

เครื่องทำน้ำแข็งเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์มากสำหรับธุรกิจหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร 🍽️ ร้านกาแฟ ☕ บาร์ 🍸 หรือแม้แต่ธุรกิจขายน้ำแข็ง 🧊เครื่องทำน้ำแข็งกินไฟไหม? คำตอบง่ายๆ คือ กินไฟแน่นอน มากน้อยขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต ประเภทการใช้งาน อุณหภูมิโดยรอบ รวมถึงการออกแบบและเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงาน เครื่องทำน้ำแข็งขนาดเล็กที่ใช้ในบ้านอาจจะไม่กินไฟมากนักเมื่อเทียบกับเครื่องขนาดใหญ่ที่ใช้ในร้านอาหารหรือโรงแรม แต่หากคุณใช้งานบ่อยและเครื่องต้องทำงานต่อเนื่อง ค่าไฟฟ้าก็จะเพิ่มขึ้นตาม

การพิจารณาว่าเครื่องทำน้ำแข็งนั้นกินไฟมากหรือน้อย คุณควรดูจากหน่วยวัตต์ (Watt) ที่เครื่องระบุไว้ 

แต่หลายคนอาจกังวลว่าเครื่องทำน้ำแข็งจะกินไฟมากเกินไป ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น เรามาดูกันว่าความจริงแล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง

2. เครื่องทำน้ำแข็งทำงานอย่างไร?

ก่อนที่เราจะเจาะลึกเรื่องการใช้ไฟ มาทำความเข้าใจการทำงานของเครื่องทำน้ำแข็งกันก่อนครับ 🔍

เครื่องทำน้ำแข็งทำงานโดยใช้หลักการทำความเย็นคล้ายกับตู้เย็น โดยมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้:

    1. ปั๊มน้ำ 💧: สูบน้ำเข้าสู่ถาดทำน้ำแข็ง

    1. การทำความเย็น ❄️: ใช้สารทำความเย็นเพื่อลดอุณหภูมิน้ำจนกลายเป็นน้ำแข็ง

    1. การปลดน้ำแข็ง 🧊: เมื่อน้ำแข็งก่อตัวสมบูรณ์ เครื่องจะปล่อยน้ำแข็งลงสู่ถังเก็บ

    1. การทำความสะอาด 🧼: บางรุ่นมีระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ

ขั้นตอนเหล่านี้ใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน แต่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าจะแตกต่างกันไปตามขนาดและประสิทธิภาพของเครื่อง

3. เปรียบเทียบการใช้พลังงานของเครื่องทำน้ำแข็งของทางร้านแต่ละรุ่น

เรามาดูการใช้พลังงานของเครื่องทำน้ำแข็งแต่ละรุ่นของทางร้านกันครับ :

    1. เครื่องทำน้ำแข็ง 68 กก: ค่าไฟ+น้ำเฉลี่ย 12.40 บาท/วัน 💡
    2. เครื่องทำน้ำแข็ง 80 กก: ค่าไฟ+น้ำเฉลี่ย 15.36 บาท/วัน 💡
    3. เครื่องทำน้ำแข็ง 100 กก: ค่าไฟ+น้ำเฉลี่ย 19.68 บาท/วัน 💡
    4. เครื่องทำน้ำแข็ง 150 กก: ค่าไฟ+น้ำเฉลี่ย 30.72 บาท/วัน 💡
    5. เครื่องทำน้ำแข็ง 250 กก: ค่าไฟ+น้ำเฉลี่ย 42.24 บาท/วัน 💡
    6. เครื่องทำน้ำแข็ง 300 กก: ค่าไฟ+น้ำเฉลี่ย 48.96 บาท/วัน 💡
    7. เครื่องทำน้ำแข็ง 350 กก: ค่าไฟ+น้ำเฉลี่ย 56.40 บาท/วัน 💡

จะเห็นได้ว่า เครื่องทำน้ำแข็งขนาดใหญ่จะใช้พลังงานมากกว่า แต่ก็ให้ผลผลิตที่มากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น คำตอบของคำถาม “เครื่องทําน้ําแข็งกินไฟไหม” คือ ใช่ แต่ไม่ได้มากจนเกินไปเมื่อเทียบกับผลผลิตที่ได้ 😊

4. ประสิทธิภาพการผลิตน้ำแข็งและต้นทุน

เรามาดูประสิทธิภาพการผลิตน้ำแข็งของแต่ละรุ่นกันโดยคำนวณจากการเปิดเครื่อง24ชั่วโมงและเปิดร้าน8ชั่วโมงครับ :

    1. เครื่องทำน้ำแข็ง 68 กก: ผลิตได้ 1.4 กระสอบ/วัน 🧊
    2. เครื่องทำน้ำแข็ง 80 กก: ผลิตได้ 1.5 กระสอบ/วัน 🧊
    3. เครื่องทำน้ำแข็ง 100 กก: ผลิตได้ 1.9 กระสอบ/วัน 🧊
    4. เครื่องทำน้ำแข็ง 150 กก: ผลิตได้ 3.7 กระสอบ/วัน 🧊🧊
    5. เครื่องทำน้ำแข็ง 250 กก: ผลิตได้ 9.3 กระสอบ/วัน 🧊🧊🧊
    6. เครื่องทำน้ำแข็ง 300 กก: ผลิตได้ 9.8 กระสอบ/วัน 🧊🧊🧊
    7. เครื่องทำน้ำแข็ง 350 กก: ผลิตได้ 10.2 กระสอบ/วัน 🧊🧊🧊

ราคาขายน้ำแข็งอยู่ที่ 50 บาท/กระสอบ 💰

จากข้อมูลนี้ เราจะเห็นว่าแม้เครื่องขนาดใหญ่จะใช้ไฟมากกว่า แต่ก็ผลิตน้ำแข็งได้มากกว่าด้วย ทำให้มีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น

5. วิธีประหยัดพลังงานเมื่อใช้เครื่องทำน้ำแข็ง

แม้ว่าเครื่องทำน้ำแข็งจะไม่ได้กินไฟมากจนเกินไป แต่เราก็สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:

    1. ตั้งเครื่องในที่ร่ม อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อน 🌳: ช่วยให้เครื่องทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    2. ทำความสะอาดเครื่องสม่ำเสมอ 🧽: ลดการสะสมของตะกรันที่อาจทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้น
    3. ตรวจสอบและซ่อมบำรุงรวมถึงเปลี่ยนไส้กรองน้ำตามกำหนด 🔧: ช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
    4. ใช้น้ำสะอาด และมีเครื่องกรองน้ำ 💧: ลดการอุดตันและการทำงานที่ไม่จำเป็นของเครื่อง
    5. ปิดเครื่องเมื่อไม่ใช้งานเป็นเวลานาน หรือวันที่ร้านหยุด 🔌: ประหยัดไฟในช่วงที่ไม่มีความต้องการใช้น้ำแข็ง

6. คำนวณระยะเวลาคืนทุน

เรามาคำนวณระยะเวลาคืนทุนของแต่ละรุ่นกัน:

    1. เครื่องทำน้ำแข็ง 68 กก ราคา 35,900 บาท
      – ผลิตได้ 1.4 กระสอบ/วัน
      – ลดค่าน้ำแข็งต่อวัน = 1.4 × 50 = 70 บาท
      – เวลาคืนทุน = 35,900 ÷ 70 ≈ 513 วัน

    2. เครื่องทำน้ำแข็ง 80 กก ราคา 40,900 บาท
      – ผลิตได้ 1.5 กระสอบ/วัน
      – ลดค่าน้ำแข็งต่อวัน = 1.5 × 50 = 75 บาท
      – เวลาคืนทุน = 40,900 ÷ 75 ≈ 545 วัน

    3. เครื่องทำน้ำแข็ง 100 กก ราคา 45,900 บาท
      – ผลิตได้ 1.9 กระสอบ/วัน
      – ลดค่าน้ำแข็งต่อวัน = 1.9 × 50 = 95 บาท
      – เวลาคืนทุน = 45,900 ÷ 95 ≈ 483 วัน

    4. เครื่องทำน้ำแข็ง 150 กก ราคา 63,900 บาท
      – ผลิตได้ 3.7 กระสอบ/วัน
      – ลดค่าน้ำแข็งต่อวัน = 3.7 × 50 = 185 บาท
      – เวลาคืนทุน = 63,900 ÷ 185 ≈ 345 วัน

    5. เครื่องทำน้ำแข็ง 250 กก ราคา 80,900 บาท ***ขายดีสุด คืนทุนไวสุด***
      – ผลิตได้ 9.3 กระสอบ/วัน
      – ลดค่าน้ำแข็งต่อวัน = 9.3 × 50 = 465 บาท
      – เวลาคืนทุน = 80,900 ÷ 465 ≈ 174 วัน

    6. เครื่องทำน้ำแข็ง 300 กก ราคา 92,900 บาท
      – ผลิตได้ 9.8 กระสอบ/วัน
      – ลดค่าน้ำแข็งต่อวัน = 9.8 × 50 = 490 บาท
      – เวลาคืนทุน = 92,900 ÷ 490 ≈ 190 วัน

    7. เครื่องทำน้ำแข็ง 350 กก ราคา 109,900 บาท
      – ผลิตได้ 10.2 กระสอบ/วัน
      – ลดค่าน้ำแข็งต่อวัน = 10.2 × 50 = 510 บาท
      – เวลาคืนทุน = 109,900 ÷ 510 ≈ 216 วัน

***คำนวณเวลาคืนทุนของเครื่องทำน้ำแข็งขึ้นอยู่กับราคาเครื่อง, ปริมาณน้ำแข็งที่ผลิตได้ต่อวัน, และราคาที่จะได้จากการขายน้ำแข็ง***

โดยคำนวณตามขั้นตอนดังนี้ :

1. รายได้จากการขายน้ำแข็งต่อวัน = ปริมาณน้ำแข็งที่ผลิตได้ต่อวัน (กระสอบ) × ราคาขายน้ำแข็งต่อกระสอบ

2. เวลาคืนทุน = ราคาเครื่องทำน้ำแข็ง ÷ รายได้จากการขายน้ำแข็งต่อวัน

สรุปเวลาคืนทุน :

– 68 กก: 513 วัน

– 80 กก: 545 วัน

– 100 กก: 483 วัน

– 150 กก: 345 วัน

250 กก: 174 วัน ***

– 300 กก: 190 วัน

– 350 กก: 216 วัน

7. เครื่องทำน้ำแข็งแต่ละรุ่นเหมาะกับธุรกิจประเภทไหน

ในส่วนนี้เราจะมีบทความแยกมาให้อ่านแบบเข้าใจง่าย กดอ่านเลย !

8. สรุป : เครื่องทำน้ำแข็งคุ้มค่าหรือไม่?

จากการวิเคราะห์ข้างต้น สรุปได้ว่า:

    1. เครื่องทำน้ำแข็งทุกรุ่นสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี
    2. เครื่องทำน้ำแข็งขนาดใหญ่ (250 กก ) มีระยะเวลาคืนทุนที่เร็วที่สุด
    3. แม้ว่าเครื่องทำน้ำแข็งขนาดใหญ่จะใช้พลังงานมากกว่า แต่ก็ให้ผลผลิตที่สูงกว่ามาก ทำให้คุ้มค่าในระยะยาว

ดังนั้น หากคุณมีความต้องการใช้น้ำแข็งในปริมาณมาก การลงทุนในเครื่องทำน้ำแข็งขนาดใหญ่เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า แต่หากคุณมีความต้องการใช้น้ำแข็งในปริมาณน้อย เครื่องทำน้ำแข็งขนาดเล็กก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

สนใจสั่งซื้อเครื่องทำน้ำแข็งรุ่นต่างๆ ได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้ หรือ เลือกชมสินค้าด่านล่าง :

เลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่เหมาะกับความต้องการ และปรึกษากับเราได้เลยวันนี้! 🧊

ความคุ้มค่าในการใช้งานเครื่องทำน้ำแข็ง !

หลายคนอาจตั้งคำถามว่า “ซื้อเครื่องทำน้ำแข็งคุ้มไหม?” คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับความต้องการและปริมาณการใช้งานของคุณ หากคุณใช้ปริมาณน้ำแข็งมากในชีวิตประจำวัน เช่น ในร้านอาหารหรือธุรกิจเครื่องดื่ม เครื่องทำน้ำแข็งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากการซื้อเครื่องทำน้ำแข็งจะช่วยลดต้นทุนในระยะยาวเมื่อเทียบกับการซื้อน้ำแข็งจากแหล่งภายนอก

1. ประหยัดต้นทุนในระยะยาว  

   หากคุณต้องซื้อน้ำแข็งจากร้านค้าหรือผู้ผลิตน้ำแข็งในทุกวัน ค่าใช้จ่ายนั้นสามารถสะสมเป็นจำนวนเงินที่มากได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน การมีเครื่องทำน้ำแข็งเองช่วยลดความจำเป็นในการซื้อน้ำแข็ง ทำให้คุณมีน้ำแข็งใช้อย่างเพียงพอทุกเมื่อที่ต้องการ นอกจากนี้ยังสะดวกมากขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางหรือรอคิวในการซื้อน้ำแข็ง

2. ควบคุมคุณภาพได้ 

   การมีเครื่องทำน้ำแข็งที่บ้านหรือในธุรกิจช่วยให้คุณสามารถควบคุมคุณภาพของน้ำแข็งที่ใช้ได้เอง ไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดหรือคุณภาพของน้ำแข็งที่ซื้อจากแหล่งภายนอก โดยเฉพาะในร้านอาหารหรือธุรกิจเครื่องดื่ม การมีน้ำแข็งที่มีคุณภาพดีจะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ

3. ลดการพึ่งพาร้านขายน้ำแข็ง  

   หากเคยเปิดร้านอยู่ขายของแล้วน้ำแข็งหมด หรือซื้อน้ำแข็งมาไม่ทันในช่วงเวลาที่ลูกค้ามาใช้บริการ การมีเครื่องทำน้ำแข็งที่สามารถผลิตน้ำแข็งได้เองจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถควบคุมปริมาณน้ำแข็งที่ต้องการได้ตลอดเวลา

ทำไมต้องซื้อเครื่องทำน้ำแข็ง?

หลายคนอาจคิดว่าการซื้อน้ำแข็งจากร้านค้านั้นง่ายและสะดวก แต่ในความเป็นจริงแล้วการมีเครื่องทำน้ำแข็งเองมีข้อดีมากมาย

1. ความสะดวกสบาย

   เมื่อมีเครื่องทำน้ำแข็งในธุรกิจ จะไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำแข็งหมดหรือต้องซื้อน้ำแข็งเพิ่มอีกต่อไป เครื่องทำน้ำแข็งสามารถผลิตน้ำแข็งได้อย่างต่อเนื่องตามความต้องการ ช่วยให้มีน้ำแข็งพร้อมใช้งานตลอดเวลา

2. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย  

   การซื้อน้ำแข็งทุกวันอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ในระยะยาวค่าใช้จ่ายเหล่านี้สามารถสะสมเป็นเงินจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเสียเวลาในการเดินทางและซื้อเครื่องทำน้ำแข็ง เมื่อมีเครื่องทำน้ำแข็งเอง คุณจะสามารถผลิตน้ำแข็งได้ทุกเวลาที่ต้องการ ช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงิน

3. เพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ  

   สำหรับธุรกิจที่ต้องใช้ปริมาณน้ำแข็งมาก เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือบาร์ การมีเครื่องทำน้ำแข็งคุณภาพดีจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ธุรกิจดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำแข็งหมด

ความคุ้มทุนในการลงทุนเครื่องทำน้ำแข็ง

สำหรับผู้ที่มองหาความคุ้มทุนในระยะยาว การซื้อเครื่องทำน้ำแข็งถือเป็นการลงทุนที่ดี แม้ว่าค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการซื้อเครื่องอาจดูสูง แต่หากคุณคำนวณค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำแข็งจากร้านค้าในระยะยาว จะพบว่าการมีเครื่องทำน้ำแข็งช่วยประหยัดเงินได้มาก

นอกจากนี้เครื่องทำน้ำแข็งที่มีประสิทธิภาพสูงยังมาพร้อมกับฟังก์ชันที่ช่วยประหยัดพลังงาน เช่น ระบบประหยัดไฟที่ช่วยลดการใช้พลังงานเมื่อเครื่องไม่ได้ทำงานหนัก ซึ่งช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาว

สรุปแล้ว

การตัดสินใจซื้อเครื่องทำน้ำแข็งนั้นเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้น้ำแข็งปริมาณมากในชีวิตประจำวันหรือธุรกิจ เครื่องทำน้ำแข็งช่วยลดต้นทุน สะดวกสบาย ควบคุมคุณภาพน้ำแข็งได้เอง และช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ

เครื่องทําน้ําแข็งกินไฟไหม
Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *